กรุงเทพฯ--7 ต.ค.--Piton Communications
จากงานวิจัยล่าสุดเรื่อง "Kaspersky Lab International Travel Report" โดยแคสเปอร์สกี้ แลป แสดงว่าคอนซูมเมอร์ทำให้ตัวเองและข้อมูลตกอยู่ในอันตราย เพราะอาการที่ชอบเผลอไผลลดความระวังตัวเวลาที่เดินทางต่างประเทศนั่นเอง เริ่มตั้งแต่การดื่มสังสรรค์ไปจนถึงการต่อใช้ Wi-Fi ในที่เสี่ยง และยังวางใจยื่นมือถือให้คนแปลกหน้าอีกเล่า การวิจัยข้อมูลเน้นชัดถึงอันตรายที่มาจากอุปนิสัยของนักเดินทางเอง สองในห้า (42%) ยอมรับว่าไม่ค่อยระมัดระวังเรื่องการต่อเชื่อมเท่าใดนักเวลาเดินทางระหว่างวันหยุด เทียบกับตอนที่เดินทางเพื่อธุรกิจ
จากการสำรวจผู้ใช้จำนวน 11,850 คนทั่วโลก แคสเปอร์สกี้ แลปพบความลับอันน่าสะพรึงว่า เหล่านักเดินทางช่วงวันหยุดทั้งหลายมักจะต้องการที่จะต่อเชื่อมอินเทอร์เน็ตมากเกินกว่าที่จะคิดห่วงเรื่องความปลอดภัยข้อมูล และมักที่จะเอนเอียงไปทางพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยง จึงทำให้พวกเขาตกอยู่ในความเสี่ยงจริงๆ จากภัยอันตรายที่มาจากไซเบอร์
การวิจัยแสดงว่าพวกเราหลายคนต่างละเลยเรื่องความปลอดภัยเมื่อต่อเชื่อมอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ เมื่ออยู่ต่างประเทศ หนึ่งในสี่ (28%) ถึงกับปล่อยปละละเลยวางทิ้งไว้โดยไม่มีคนเฝ้าดู (เช่น วางทิ้งไว้บนโต๊ะหรือในห้องประชุม) และหนึ่งในห้า (19%) ทิ้งไว้กับพนักงานขนของของโรงแรม – และหากในอเมริกาจำนวนคนทีททำแบบนี้ก็เพิ่มเป็นสองในห้าเลยทีเดียว อีกโอกาสเสี่ยงหนึ่งคือการส่งมือถือให้คนแปลกหน้าช่วยถ่ายรูปให้หน่อยที่เป็นการเพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก คิดเป็น 18% ของในหมู่พวกเราๆ และหนึ่งในสี่ของกลุ่มคนอายุต่ำกว่า 25 ปี ที่มักจะมีพฤติกรรมเช่นนี้
รายงานแนะว่าเมื่อเราอยู่ใน 'อารมณ์วันหยุด' เรามักจะมีพฤติกรรมที่เอ๋อๆ และทำตัวเสี่ยง เช่น หลายคน (18%) บอกว่าตนติดต่อกับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อน และ 6% ถึงกับส่งข้อความเรื่องเซ็กส์ขณะเดินทางอยู่ต่างประเทศ รายงานยังพบด้วยว่า 15% มักจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของมึนเมามากกว่าตอนอยู่บ้านตนเอง และตัวเลขก็เพิ่มขึ้นเป็น 29% เลยทีเดียวหากเป็นชาวอังกฤษ
พวกเราหลายคนไม่ค่อยคำนึงถึงวิธีการเชื่อมต่อเท่าใดนักเมื่ออยู่ต่างประเทศ หรือว่าอาจมีใครแอบดักฟังอยู่ก็เป็นได้ ส่วนมาก (82%) เลือกที่จะใช้ไวไฟสาธารณะเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น ตามสนามบิน โรงแรมและร้านกาแฟ จะว่าไปแล้วหลายคนก็ติดเป็นนิสัยเลยทีเดียว จะเห็นว่า 28% ใช้ Wi-Fi สาธารณะเวลาอยู่ต่างประเทศมากกว่าตอนอยู่ในบ้านเมืองตนเอง – และอีก 18% ก็มิได้ระมัดระวังอะไรเอาเสียเลย
หนึ่งในสาม (33%) ยอมรับว่าเข้าเว็บไซต์เนื้อหาล่อแหลมโดยใช้ Wi-Fi ทั่วไป และกว่าครึ่งถึงกับทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ (48%) แม้แต่ช้อปปิ้ง (46%) ตอนอยู่ต่างประเทศ ที่น่าตระหนกยิ่งไปกว่านั้น หนึ่งในสาม (35%) ยอมรับว่าคุยโทรศัพท์ที่มีข้อมูลสำคัญในที่สาธารณะ โดยสื่อสารกันคนละภาษาหรือพูดกันแทบจะไม่รู้เรื่องอีกด้วย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แย่ ต่อความปลอดภัยของข้อมูลของคุณ
พฤติกรรมดังที่ว่ามานี้เป็นของกลุ่มคนที่มักจะถูกโจมตีฉกข้อมูลไปขณะเดินทาง และหนึ่งในห้าก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่าโดนได้อย่างไร มาจากไหนกัน
"แน่นอนที่เราต้องการจะพักผ่อนทำตัวสบายๆ ในวันหยุดของเรา แต่เป็นช่วงจังหวะเวลาที่เรามักเผลอตัวไม่ได้ระมัดระวังตามที่ควรเป็นเวลาต่ออินเทอร์เน็ต และมักจะต้องมาทนทรมานจากผลกรรมภายหลัง เราควรจะต่ออินเทอร์เน็ตหรือไม่ เราจะโพสต์บนโซเชียลมีเดียได้ไหม ได้สิ ได้แน่นอน – แต่เราแนะนำให้ระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อยามเดินทางท่องเที่ยว รู้ทันโลกไซเบอร์ และมีมาตรการที่จะป้องกันตัวเองและข้อมูลอันมีค่าของคุณ" - เอเลน่า คาร์เชนโก้ หัวหน้าฝ่ายบริหารคอนซูมเมอร์โปรดักส์ แคสเปอร์สกี้ แลป กล่าว
เมื่ออยู่ห่างไกลจากระบบความปลอดภัยไซเบอร์ในบ้านเมืองของตัวเอง ควรต้องใช้โซลูชั่นความปลอดภัยไอทีที่แข็งแกร่ง และเชื่อมต่อเข้าเครือข่ายผ่าน VPN เพื่อเป็นการป้องกันตนเองขณะเดินทาง ท่านสามารถอ่านเคล็ดลับ ข้อแนะนำได้เพิ่มเติมเพื่อการป้องกันตนเองอย่างได้ผลได้จาก: https://blog.kaspersky.com/tag/cybersavvy
ข้อมูลเพิ่มเติม
งานวิจัยล่าสุดเรื่อง "Kaspersky Lab International Travel Report"
https://blog.kaspersky.com/kaspersky-lab-international-travel-report/12429/