กรุงเทพฯ--21 ก.พ.---แชนด์วิค อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)
เลขาธิการสหประชาชาติเชิญประชุมรัฐบาลทั่วโลกเพื่อเริ่มปฏิบัติการฉุกเฉิน 7 ประการว่าด้วยเรื่องเอดส์ รายงานฉบับใหม่เน้น 7 ทางสู้การแพร่ระบาดของเอดส์
(นิวยอร์ค - 20 กุมภาพันธ์ 2544)
รายงานฉบับใหม่จัดทำขึ้นโดยเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เรื่องการเรียกประชุมรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกเพื่อปฏิบัติการฉุกเฉิน 7 ประการเพื่อช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ซึ่งประกอบไปด้วย
* การมีผู้นำและมีการประสานงานที่มีประสิทธิภาพ
* การลดผลกระทบทางด้านสังคม และเศรษฐกิจ ที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาด
* การลดการติดเชื้อโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง
* การหนดเป้าหมายร่วมกันในการป้องกันการระบาดของโรคเอดส์
* การเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ที่ติดเชื้อและผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก HIV/AIDS ว่าจะได้รับการดูแลและช่วยเหลือ
* การพัฒนาผลิตภัณฑ์ยารักษาอย่างมีประสิทธิภาพ
* การจัดสรรเงินช่วยเหลือที่จำเป็นให้เพียงพอ
รายงานดังกล่าวร้องขอข้อผูกมัดทางการเมืองและการเงินจากชาติต่างๆ ในการตอบสนองต่อภาวะวิกฤติเรื่องโรคเอดส์ ด้วยความตื่นตระหนกต่อการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและผลกระทบไปทั่วโลก สมัชชาทั่วไปจึงตัดสินใจในเดือนพฤศจิกายน 2543 ว่าจะจัดการประชุมวาระพิเศษขึ้นในระดับการเมืองสูงสุดว่าด้วยเรื่อง HIV/AIDS การประชุมนี้เป็นผลมาจากการเรียกร้องให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมใน UN MillenniumDeclaration ซึ่งเป็นที่ยอมรับในเดือนกันยายน 2543 โดยผู้นำประเทศต่างๆ ทั่วโลกในการประชุม Millennium Summit
“ผู้นำเป็นพื้นฐานที่จะทำให้เกิดการตอบสนองที่มีประสิทธิภาพ” นายอันนันกล่าว ซึ่งหมายถึงหนึ่งในความท้าทายที่กล่าวไว้ในรายงาน“ประเด็นหลักข้อหนึ่งที่สังคมโลกประสบคือการพัฒนาและการมีผู้นำที่มีความทุ่มเท ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการทำให้เกิดความเข้าใจกันอย่างถ่องแท้และทั่วถึงในสังคมในเรื่องการแพร่ระบาดของโรค และทำให้เกิดการขานรับในระดับประเทศ”
ความท้าทายหลักอีกประการหนึ่งคือ
การลดผลกระทบทางด้านสังคมและเศรษฐกิจของการแพร่ระบาด ในหลายๆ ประเทศ เอดส์เป็นตัวการสำคัญในการบ่อนทำลายภาคหลักๆผลกระทบทางด้านลบปรากฎให้เห็นได้ชัดในการพัฒนาเศรษฐกิจ การศึกษา การสาธารณสุขและการเกษตร นอกจากนี้ รายงานยังกล่าวด้วยว่าความขัดแย้ง สงคราม ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ การกีดกันทางสังคมล้วนแล้วแต่ส่งผลให้ประชาชนอ่อนแอลงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV
รายงานกล่าวด้วยว่าความการป้องกันการแพร่ระบาดของเอดส์ จำเป็นจะต้องระบุเรื่องของการแพร่ระบาดของโรคและการใช้จ่ายในการป้องกันการระบาด จะช่วยลดต้นทุนของการติดเชื้อในอนาคตปฏิบัติการแทรกแซงอย่างมีประสิทธิภาพคือการป้องกันการติดเชื้อจากมารดาไปสู่ทารกการให้ยาระยะสั้นสามารถลดอัตราการถ่ายทอดเชื้อสู่เด็กได้ถึง 20-50%
เรื่องการเพิ่มความแข็งแกร่งในระบบสาธารณสุขก็เช่นเดียวกัน จะต้องคำนึงถึงความสามารถในการให้บริการยาแก่ผู้ติดเชื้อเอดส์ที่เกิดติดโรคแทรกซ้อน และการรักษาด้วยยาเพื่อการต่อต้านไวรัสเอดส์ ซึ่งเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเข้าถึงซึ่งการบริการผู้ติดเชื้อ มีความก้าวหน้าบางประการในเรื่องการลดราคายารักษาโรคซึ่งเป็นผลจากการเจรจาตกลงร่วมกันของสหประชาชาติกับบรรดาบริษัทผู้ค้นคว้าวิจัยและผลิตเวชภัณฑ์ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2543 รวมถึงการเพิ่มขึ้นของยาต่อต้านไวรัสเอดส์
แม้กระนั้นก็ตามรายงานกล่าวว่ายังคงมีสิ่งที่จะต้องทำอีกมากเพื่อให้ประชาชนส่วนมากที่ต้องอยู่กับโรค HIV และ AIDS ได้รับการเอาใจใส่และรักษาพยาบาล รายงานกล่าวด้วยว่าความไม่เท่าเทียมกันที่ยังคงมีอยู่ในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลและความเอาใจใส่จะต้องได้รับการกล่าวถึงโดยเฉพาะโดยทุกวิถีทางรวมถึงราคาที่แตกต่างกัน การแข่งขันระหว่างผู้ผลิตยา การจัดซื้อในระดับภูมิภาคข้อตกลงทางลิขสิทธิ์และการใช้มาตรการด้านสุขภาพตามข้อตกลงทางการค้าในรายงานฉบับนี้
เลขาธิการสหประชาชาติยังร้องขอให้เพิ่มความสนใจในการทำวิจัยระดับนานาชาติและการพัฒนาการผลิตวัคซีนต่อต้าน HIV/AIDS รวมถึงการเพิ่มแหล่งทุนให้เพียงพอต่อความท้าทายของการแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้น เป้าหมายหนึ่งของการประชุมวาระพิเศษคือการเรียกร้องให้มีข้อผูกมัดทางด้านการเงินเพื่อตอบสนองเรื่องเอดส์ ซึ่งยังคงไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินอยู่
บทเรียนที่ได้รับ
แม้จะมีการระบาดอย่างรวดเร็วและโรคยังคงแพร่กระจายออกไปเราก็ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างนับตั้งแต่เกิดโรคขึ้นเมื่อสองทศวรรษมาแล้วและปัจจุบันแนวโน้มของผู้ติดเชื้อเอดส์ก็ยังไม่ลดลง นายอันนันกล่าวในรายงานของเขาว่า “ประสบการณ์ที่สั่งสมในเรื่อง HIV/AIDS ได้มาถึงจุดที่สามารถจะกล่าวได้ด้วยความมั่นใจว่า มันเป็นเรื่องทางเทคนิคการเมืองและการเงิน 3 ปัจจัยหลักนี้ จะช่วยให้เราลดการแพร่กระจายของ HIV/AIDS และผลกระทบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องลงได้
สิ้นปี 2543 ชาย หญิงและเด็กจำนวน 36.1 ล้านคนทั่วโลกติดเชื้อ HIV/AIDS และเสียชีวิตด้วยโรคนี้จำนวน 21.8 ล้านรายในปีเดียวกันได้มีการประมาณการไว้ว่าประชากรทั่วโลกอีก 5.3 ล้านคนจะติดเชื้อเพิ่มขึ้น และจะเสียชีวิตถึง 3 ล้านคนในหนึ่งปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดของการเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ตั้งแต่เคยมีมา อย่างไรก็ตาม รายงานกล่าวว่าการแพร่ระบาดที่เพิ่มมากขึ้นนี้สามารถจะป้องกันได้ โดยโครงการรณรงค์ที่ครอบคลุมและป้องกันในทั่วทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ของเยาวชนและประชาชนที่ยากแก่การเข้าถึง
นอกจากนี้ รายงานยังกล่าวถึงความสำเร็จของการลดการแพร่ระบาดอันเกิดจากชุมชน โดยการเพิ่มบทบาทให้กับเยาวชนและสตรีรวมถึงการให้ผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์กลางของการตอบสนองนี้ นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนเรื่องสิทธิและความเท่าเทียมกันในสังคม รวมถึงการตั้งข้อรังเกียจผู้ติดเชื้อ ทั้ง 2 สิ่งนับว่าเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการเปิดการพูดคุยกับเรื่อง HIV/AIDS
ภาพประกอบที่ซับซ้อน
บทเรียนหลักที่ได้จากการแพร่ระบาดของโรคได้แก่ความสลับซับซ้อนของโรค และการที่จะต้องเข้าไปควบคุม ป้องกันในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องความเสี่ยงสาเหตุและปัจจัยที่มีผลต่อกลุ่มเสี่ยงและผลกระทบจากการแพร่ระบาด
นายอันนันกล่าวว่า “เอดส์กลายมาเป็นวิกฤตที่สำคัญต่อการพัฒนา เอดส์คร่าชีวิตคนหนุ่มสาวไปแล้วเป็นล้านๆ คน เอดส์ทำให้ครอบครัวแตกแยกและมีฐานะยากจนลง เอดส์ทำให้แรงงานมีความอ่อนแอ ทำให้เด็กนับล้านคนกลายเป็นเด็กกำพร้าและคุกคามความสัมพันธ์ในชุมชนทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงความมั่นคงทางการเมืองและประเทศชาติ”
ซึ่งได้ปรากฏชัดเจนแล้วว่ากิจกรรมต่างๆ ที่ได้รณรงค์และจัดทำขึ้น ไม่สามารถส่งผลที่ยั่งยืนถาวรได้ และการปฏิบัติการแทรกแซงเพื่อลดความเสี่ยงใน HIV และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจะสัมฤทธิ์ผลได้ก็ต่อเมื่อมีการประสานความร่วมมือกันระหว่างรัฐมนตรีทั้งหลายของรัฐบาลทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสารธารณสุข
เราพบเอดส์ได้ทุกหนทุกแห่งในโลกนี้ ที่รุนแรงที่สุดอยู่ใน sub-Saharan Africa ในแอฟริกามีประชากรผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อ HIV ถึง 70% และเด็กอีก 80% และประชากรกว่าสามในสี่ส่วนทั่วโลกต้องจบชีวิตลงด้วยโรคเอดส์นับแต่มีการแพร่ระบาดของโรคนี้ ในช่วงปี 2543 มีการประมาณการว่าประชากร 3.8 ล้านคนติดเชื้อ HIV ในเขต sub-Saharan Africa และ 2.4 ล้านคนเสียชีวิตลง เอดส์เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของผู้คนในแอฟริกา
ทวีปเอเซียสามารถหลีกพ้นการมีสถิติการติดเชื้อสูงเหมือนแอฟริกา มีเฉพาะใน 3 ประเทศเท่านั้น ได้แก่ กัมพูชา พม่าและไทยที่มีอัตราสูงกว่า 1% ในหมู่ประชากรที่มีอายุระหว่าง 15-49 ปี แต่การติดเชื้อกำลังเพิ่มสูงขึ้น
ในเอเซียใต้และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ในปีที่ผ่านมาประชากร 780,000 คน ซึ่งเกือบสองในสามของตัวเลขนี้เป็นชายได้ติดเชื้อเอดส์สำหรับเอเซียตะวันออกและแปซิฟิคมีผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 130,000 คน
ประเทศในยุโรปตะวันออกและสหภาพโซเวียตเดิมมีแนวโน้มของการแพร่ระบาดของโรคเอดส์อย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้เคยปรากฏว่าเป็นพื้นที่ที่มีอัตราความเสี่ยงต่ำ แต่ปัจจุบันกลับปรากฏตัวเลขของผู้ติดเชื้อใหม่พุ่งสูงขึ้น จาก 420,000 คนเมื่อสิ้นปี 2542 เป็นอย่างน้อย 700,000 คนในอีกหนึ่งปีถัดมา
ในลาตินอเมริกา ประมาณการว่าผู้ใหญ่และเด็ก 150,000 คนติดเชื้อเอดส์ในปี 2543 ซึ่งทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อมี 1.4 ล้านคน แคริบเบียนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อ HIV สูงสุดในโลกรองจาก sub-Saharan Africa และเอดส์เป็นตัวการสำคัญเพียงอย่างเดียวในการสูญเสียชีวิตของหนุ่มสาวในพื้นที่นี้
ประเทศที่มีรายได้สูงมีสถิติในการสูญเสียประชากรอันเกี่ยวเนื่องมาจากโรคเอดส์ลดน้อยลงในปลายศตวรรษที่ 19 สาเหตุเพราะการรักษาด้วยยาต่อต้านไวรัสอย่างได้ผลช่วยให้ประชากรมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น อย่างไรก็ตามข่าวดีนี้กลับแผ่วเบาลงกับความพยายามในการป้องกันโรคและกับตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงในปี 2543
แม้จะมีการเรียนรู้เรื่องเอดส์มาเป็นเวลานานแล้วก็ตามแต่ประชากรในยุโรปตะวันตกราว 30,000 คน และอเมริกาเหนือราว 40,000คนก็ยังติดเชื้อเอดส์
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
คุณเพ็ญศรี ทรรศนะวิเทศ
UNAIDS Media Advisor โทร 257-0300 แฟกซ์ 257-0312
www.unaids.org-- จบ--
-อน-