กรุงเทพฯ--2 ส.ค.--เอ็มดีเค คอนซัลแทนส์ (ประเทศไทย)
บลจ. เอเจเอฟ เพิ่มพันธมิตรรายล่าสุด รับบริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ริล ลินช์ ภัทร จำกัด เสริมทัพขยายศักยภาพตลาดธุรกิจกองทุนรวม แต่งตั้งเป็นตัวแทนการขายและรับซื้อคืนให้กับกองทุนรวมของเอเจเอฟ รวมเป็นพันธมิตรตัวแทนการขายทั้งสิ้น 13 ราย ทั้งที่เป็นแบงก์บริษัทแม่ แบงก์ข้ามกลุ่ม และบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำระหว่างประเทศและไทย มั่นใจด้วยความพร้อมของพันธมิตรดังกล่าวจะทำให้ตลาดกองทุนรวมของบริษัทฯโต และสามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่ปัจจุบันโยกเงินไปลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งให้ผลตอบแทนค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้รับจากธนาคารพาณิชย์
นายเรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม อยุธยาจาร์ดีน เฟลมมิ่ง จำกัด (เอเจเอฟ) เปิดเผยว่า “การเข้ามาเป็นพันธมิตรของ บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ริล ลินช์ ภัทร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียงและมีผลประกอบการที่ดี จะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง เอเจเอฟ และ เมอร์ริล ลินช์ เนื่องจากทั้งสองต่างก็มีฐานลูกค้าที่ดี มีความเชี่ยวชาญและเครือข่ายที่จะ เอื้อประโยชน์ต่อกันและกันได้ ประการสำคัญการที่เมอร์ริล ลินช์ เลือกเป็นตัวแทนการขายให้กับเอเจเอฟ นอกจากจะสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้าของเมอร์ริล ลินช์ ด้วยกองทุนต่างๆที่มีชื่อเสียงดีของเอเจเอฟแล้ว ยังเป็นการเสริมการให้บริการของเมอร์ริล ลินช์ ที่มีอยู่เพื่อตอบสนองกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หันมา สนใจการลงทุนผ่านกองทุนรวมเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย”
นายเรืองวิทย์ เปิดเผยต่อไปอีกว่า ปัจจัยสำคัญในการจับมือเป็นพันธมิตรกับกลุ่มใดๆของเอเจเอฟอยู่ที่ความน่าเชื่อถือทั้งของทีมผู้บริหารและกลุ่มผู้ถือหุ้น มีประวัติที่ดีทั้งในเรื่องการให้บริการ การดำเนินงาน และผลการดำเนินงานของกลุ่มนั้นๆ ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ริล ลินช์ ภัทร จำกัด เป็นบริษัทในเครือของเมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค อินคอร์ปอเรชั่น แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในผู้นำด้านวาณิชธนกิจการให้บริการการซื้อขายหลักทรัพย์ และบริการการลงทุนส่วนบุคคล
ปัจจุบันการลงทุนผ่านกองทุนรวมเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันบังคับให้ นักลงทุนมองหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการรอรับดอกเบี้ยเงินฝากจากธนาคารพาณิชย์เพียง อย่างเดียว ซึ่งในช่วงปีนี้กองทุนรวมประเภทตราสารหนี้ ให้ผลตอบแทนถึง 5-10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ขณะที่ ดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 3 เดือน ให้ผลตอบแทนเพียง 2-4.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ผนวกกับกองทุนฯต่างๆที่ เอเจเอฟนำเสนอมีความน่าสนใจและเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจการเงินในปัจจุบัน ทำให้เอเจเอฟได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนรายย่อยและประเภทสถาบัน ดังจะเห็นได้จากขนาดของกองทุนที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1.4 พันล้านบาท ณ เดือนกรกฎาคม 2540 เป็น 48 พันล้านบาท ณ มิถุนายน 2543 ด้วยปัจจัยสำคัญเหล่านี้ทำให้บริษัทหลักทรัพย์และธนาคารชั้นนำหลายแห่งสนใจเข้ามาเป็นตัวแทนการขายและรับซื้อคืนให้กับ กองทุนรวมของเอเจเอฟ และส่งผลให้บริษัทฯมีจำนวนพันธมิตรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน เอเจเอฟ มีพันธมิตร รวม 13 ราย ทั้ง ธนาคาร และบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำระหว่างประเทศและไทย ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา ธนาคารดอยช์แบงก์ สาขากรุงเทพฯ ธนาคาร สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน จำกัด (มหาชน) บริษัทเงินทุน กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เจ เอฟ ธนาคม จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เอบีเอ็น แอมโร เอเชีย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอกธำรง เคจีไอ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ แอสเซทพลัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) และรายล่าสุด บริษัท หลักทรัพย์ เมอร์ริล ลินช์ ภัทร จำกัด
บลจ. เอเจเอฟ เป็นบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ กลุ่มจาร์ดีนเฟลมมิ่ง จากประเทศฮ่องกง และธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โดยในปัจจุบันเอเจเอฟมีกองทุนทั้งสิ้น 5 กองทุนที่เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป โดยแบ่งตามความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนสามารถรับได้ คือ กองทุนเปิดอยุธยาตราสารปันผล กองทุนเปิดอยุธยาตราสารเพิ่มทรัพย์ กองทุนเปิดอยุธยาตราสารเจริญทรัพย์ กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล และล่าสุดกองทุนเปิดอยุธยาเทคโนโลยี
ข้อมูลสำหรับกองบรรณาธิการ :
อยุธยาจาร์ดีนเฟลมมิ่ง (เอเจเอฟ) เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจทางด้านการจัดการกองทุนรวม โดยมีธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับที่ 5 ของประเทศ และกลุ่มจาร์ดีนเฟลมมิ่ง จากประเทศฮ่องกง ซึ่งเป็นบริษัทจัดการการลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เอเจเอฟก่อตั้งขึ้นในปี 2539 และเริ่มเสนอขายหน่วยลงทุนเป็นครั้งแรกเมื่อกลางปี 2540
แม้จะเริ่มต้นการทำธุรกิจในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย เอเจเอฟสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความสามารถในการบริหารเงินลงทุนของประชาชนให้ได้ผลตอบแทนที่ดี และมีส่วนช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อฐานะทางการเงินส่วนตัวได้อีกทางหนึ่ง ทำให้ประชาชนและผู้ลงทุนนิติบุคคลเชื่อมั่นและทยอยลงทุนในกองทุนรวมของเอเจเอฟเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้จากขนาดของกองทุนที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1.4 พันล้านบาท ณ เดือนกรกฎาคม 2540 เป็น 44.5 พันล้านบาท ณ ปลายปี 2542 ด้วยเหตุนี้เองเอเจเอฟจึงเป็นบริษัทจัดการกองทุนรวมที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในช่วงระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา (วัดจากมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวมภายใต้การจัดการของ 14 บริษัท ในช่วงระหว่างวันที่ 26 กันยายน 2540 ถึง วันที่ 30 ธันวาคม 2542 --- ที่มา : สมาคมบริษัทจัดการลงทุน)
บริษัท เอ็มดีเค คอนซัลแทนส์ (ประเทศไทย) จำกัด
อารีรัตน์ ตั้งเลิศไพบูลย์
สุรภี ลาภะสกุล
เสาวภา ด้วงใส
โทร. 658-6111-20--จบ--
-อน-