กรุงเทพฯ--17 ต.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บมจ. ซีลิค คอร์พ (SELIC) ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์กาวอุตสาหกรรมพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai 18 ต.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 812 ล้านบาท
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ. ซีลิค คอร์พ (SELIC) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ในวันที่ 18 ตุลาคม 2559 โดย SELIC ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย รวมทั้งวิจัยและพัฒนากาวอุตสาหกรรม แบ่งสินค้าของบริษัทเป็น 4 กลุ่มคือ กาว Solvent, กาวน้ำ, กาว Hot Melt, และสารเคมีภัณฑ์อื่นๆ เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศกว่า 27 ประเทศ ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท ได้แก่VEGAMELT, INTENSITY, MINERVA, TORA, ICETECH, DELTABOND, WORLD, ZICCO, RHINO, TUFF KIT เป็นต้น
SELIC มีทุนชำระแล้ว 140 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 200 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 80 ล้านหุ้น เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 10-12 ตุลาคม 2559 ในราคาหุ้นละ 2.90 บาท มูลค่าการระดมทุนรวม 232 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 812 ล้านบาท มีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจท์เม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีลิค คอร์พ (SELIC) เปิดเผยว่า SELIC ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและประยุกต์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการของลูกค้า การนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ และสร้างฐานทุนที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต โดย SELIC จะนำเงินที่ระดมทุนได้ลงทุนจัดซื้อเครื่องมือเครื่องใช้ในการวิจัยและพัฒนา ปรับปรุงอาคารและระบบการผลิต ลงทุนสำหรับวางระบบสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ
SELIC มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มสุวัฒนพิมพ์ ถือหุ้น 67.50% กลุ่มว่องกุศลกิจ ถือหุ้น 2.00% และนายศุภวัตร ลิขิตธนวงศ์ ถือหุ้น 1.22% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 19.33 เท่า คำนวณจากผลกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (1 กรกฎาคม 2558-30 มิถุนายน 2559) ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 42.26 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.15 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.seliccorp.com และที่เว็บไซต์ www.set.or.th
"ทศวรรษที่ 5 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อคนไทยเข้าถึงการลงทุนที่มั่งคั่งยั่งยืน"