กรุงเทพฯ--17 ต.ค.--ธนาคารธนชาต
ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TBANK ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2559 มีผลการดำเนินงานดีขึ้นในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำไรจากการดำเนินงานก่อนตั้งสำรองที่เติบโตขึ้น แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความพร้อมในการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ในไตรมาส 3 ปี 2559 ธนาคารยังคงรักษาการเติบโตของกำไรสุทธิได้อย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 7โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 3,202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44 ล้านบาท หรือ 1.39% จากไตรมาสก่อน ขณะที่ กำไรจากการดำเนินงานก่อนตั้งสำรอง (Pre-Provision Operating Profit หรือ PPOP) มีจำนวน 5,084 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 255 ล้านบาทหรือ 5.28% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของฐานรายได้รวม ทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับสูงขึ้น 2.83% จากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยที่มากขึ้น และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสูงขึ้น 9.85% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ"
"ด้านสินทรัพย์รวมของธนาคารได้ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ว่ายอดสินเชื่อคงค้างได้ปรับลดลงแต่อยู่ในอัตราที่ชะลอลงตามการปรับเพิ่มขึ้นของยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ ในขณะเดียวกันธนาคารยังคงสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีขึ้นเป็นลำดับ โดยในงบการเงินรวมของธนาคารและบริษัทย่อยมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio)ลดลงจาก2.84% ณ สิ้นปี 2558 มาอยู่ที่ 2.44% และในงบการเงินเฉพาะของธนาคารมี NPL Ratio ลดลงจากสิ้นปี 2558 ที่ 2.20% เหลืออยู่ที่ 1.86% ส่วนอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio)ในงบการเงินรวมของธนาคารและบริษัทย่อยนั้นได้ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 136.31% ขณะที่งบการเงินเฉพาะของธนาคารมี Coverage Ratio เติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 147.91% ด้านเงินกองทุนของธนาคารได้ปรับระดับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.70%นอกจากนี้ ธนาคารสามารถรักษาระดับสินทรัพย์สภาพคล่อง LCR (Liquidity Coverage Ratio) ได้สูงกว่า 100% อีกด้วย"
นายสมเจตน์กล่าวเสริมว่า "ด้วยผลการดำเนินงานของธนาคารที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น เกิดจากธนาคารได้มีการพัฒนาและปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของธุรกิจหลักเพื่อเชื่อมโยงกระบวนการทำงานต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรให้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจของธนาคารมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมทั้งมุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์และบริการให้ดียิ่งขึ้นซึ่งในขณะนี้ธนาคารสามารถให้บริการได้ครอบคลุมในทุกช่องทาง ซึ่งล่าสุดการเปิดตัว Mobile Banking ของธนาคาร ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากจำนวนฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ธนาคารจะคอยติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดต่อไป เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสิ่งที่ธนาคารได้พัฒนานั้นจะนำไปสู่การต่อยอดและเป็นกลไกในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง"