กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--ธนาคารไทยพาณิชย์
ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทย่อยประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/2559 (งบการเงินรวมก่อนสอบทาน) มีผลกำไรสุทธิจำนวน 11,533 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.9% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของไตรมาส3/2558 ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่กำไรจากเงินลงทุนและการตั้งสำรองหนี้สูญลดลงอย่างมาก เนื่องจากในไตรมาส 3 ปีที่แล้ว มีรายการพิเศษจากการตั้งสำรองหนี้สูญลูกหนี้ขนาดใหญ่และการขายเงินลงทุน โดยธนาคารมีผลกำไรสุทธิเก้าเดือนแรกของปี 2559 จำนวน 34,897 ล้านบาท ลดลง 1.4% เมื่อเทียบกับเก้าเดือนแรกของปี 2558
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิตามงบการเงินรวมในไตรมาส 3/2559 มีจำนวน 22,214 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 10.7% จากไตรมาส 3/2558 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการที่ธนาคารสามารถบริหารต้นทุนเงินฝากได้ดีขึ้น รวมถึงการเติบโตของสินเชื่อ 5.3% จากปีก่อน
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยตามงบการเงินรวมลดลง 37.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนตราสารทุนจำนวนมากในไตรมาส 3/2558 หากไม่รวมกำไรจากเงินลงทุนดังกล่าว รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 4.3% ส่วนใหญ่มาจากค่าธรรมเนียมบริการการเงินเพื่อธุรกิจ (Corporate finance) และกำไรจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้น
อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมในไตรมาสนี้อยู่ที่ 2.85% ลดลงเล็กน้อยจาก 2.89% ณ สิ้นปี2558 แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 2.77% จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ในไตรมาสนี้ ธนาคารตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 7,012 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นเป็น128.9% ณ สิ้นไตรมาส 3/2559 จาก 109.8% ณ สิ้นปี 2558 แต่ลดลงเล็กน้อยจาก 130.0% ณ สิ้นไตรมาส 2/2559
นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์กล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาสนี้ว่า "ธนาคารยังคงรักษาผลประกอบการในไตรมาส 3 นี้ได้ดีพอควรสำหรับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ธนาคารให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง และธนาคารจะยังคงดำรงอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพในระดับที่สูงใกล้เคียงกับระดับปัจจุบันต่อไป"