กรุงเทพฯ--19 ต.ค.--ไอแอมพีอาร์
"โปรดจงจำไว้ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร จะพูดอะไร รวมถึงทางเลือกต่างๆ ของคุณ ล้วนมีพลังที่จะเปลี่ยนโลกใบนี้ และในฐานะประชากรโลก เราจะร่วมสร้างอนาคตที่เราทุกคนภูมิใจ สำหรับคนรุ่นนี้และรุ่นต่อๆไป" เป็นคำกล่าวของ "จัสติน ทรูโด" นายกรัฐมนตรีประเทศแคนาดา ในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนระดับโลก One Young World 2016 ณ กรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา
โดยเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำรุ่นใหม่ระดับโลก หรือ One Young World Summit 2016 ในปีนี้ "เครือเจริญโภคภัณฑ์" โดยโครงการ ซีพีสานฝันปันโอกาส สู่ผู้นำรุ่นใหม่ ได้สนับสนุนให้ผู้นำรุ่นใหม่จากกลุ่มธุรกิจต่างๆ จำนวน 20 คน เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ที่เป็นระดับโลกแก่ผู้นำรุ่นใหม่ โดยให้เป็นตัวแทนประเทศไทยเดินทางไปไปแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นกับผู้นำรุ่นใหม่จาก 196 ประเทศทั่วโลกจำนวนกว่า 1,300 คนในปีนี้ เพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืนเพื่อให้โลกหลุดพ้นจากปัญหาต่างๆ ที่เผชิญอยู่ในปัจจุบัน โดยใช้พลังแห่งความรักและเมตตาจิต(Compassion)
"โคฟี อันนัน" อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ได้กล่าวกับผู้นำรุ่นใหม่ในเวที One Young World ในปีนี้ว่าวันนี้มวลมนุษยชาติกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาความขัดแย้งต่างๆ อันเนื่องมาจาก ปัญหาของชนกลุ่มน้อย ปัญหาด้านศาสนา วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ ซึ่งนำไปสู่ความรุนแรง ความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมในด้านต่างๆ ปัญหาด้านการเมือง นอกจากนี้เรายังต้องเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และปัญหาด้านการแพทย์อีกด้วย
"อย่างไรก็ตามผมเชื่อมั่นว่าเยาวชนและคนรุ่นใหม่สามารถเป็นผู้ที่จะขับเคลื่อนให้เกิดสันติภาพและความปรองดองได้ ดังนั้นทุกสิ่งที่อย่างจึงขึ้นอยู่กับพวกคุณทุกๆ คนในที่แห่งนี้แล้ว ที่จะนำการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์ให้เกิดขึ้น เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับเราทุกคนและสำหรับรุ่นถัดไป"
ในเวทีการประชุมดังกล่าว "อู๋" นายสุภกิณห์ จงเรืองทรัพย์ จากสถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Leadership Institute) ได้เป็นตัวแทนประเทศไทยร่วมนำเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาด้านการศึกษาที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ว่า ในประเทศไทยนั้นภาคเอกชนชั้นนำหลายแห่งรวมถึงบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้เข้ามาร่วมกับภาครัฐในการในการจัดทำโครงการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยมีใจความบางตอนว่า
"ปัจจุบันเครือเจริญโภคภัณฑ์ เข้ามาช่วยรัฐบาลในการพัฒนาภาคการศึกษาในโครงการที่ชื่อว่า Connext ED โดยบริษัทจะส่งพนักงานของตนเองลงพื้นที่เพื่อทำงานกับผู้อำนวยการโรงเรียน หรือเรียกว่าเป็น school partner เพื่อที่จะช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน วิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาและแก้ไขปัญหาต่างๆของโรงเรียนได้อย่างยั่งยืน โดยเราเชื่อมั่นในหลัก 3 ประโยชน์ซึ่งเป็นค่านิยมของเครือฯที่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ซึ่งเมื่อเราเชื่อมั่นและยึดมั่นเช่นนี้แล้วปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็จะถูกขจัดไปสู่ความยั่งยืน"
ภายหลังการแลกเปลี่ยนมุมมองการแก้ไขปัญหาที่ภาคเอกชนร่วมกับภาครัฐในการแก้ปัญหาการศึกษาของประเทศไทยจบลงไปแล้ว ก็ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ร่วมประชุมอย่างท่วมท้น และผู้ดำเนินรายการยังได้กล่าวขอบคุณตัวแทนจากประเทศไทยที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางการทำงานเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นกับโลกของเรา
"One Young World เป็นเวทีระดับโลกหากเทียบไปแล้วก็คงเหมือนองค์การสหประชาชาติระดับเยาวชน ซึ่งเป็นเวทีที่เปิดกว้างให้เราได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ตลอด อีกทั้งการได้ฟังบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกจากปาฐกถาต่างๆ ทำให้เราได้มุมมองใหม่และประสบการณ์ดีๆ จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกที่มาเล่าสู่กันฟัง โดยองค์กรของเรานั้นเป็นบริษัทที่คนต่างชาติอยากรู้จักและอยากศึกษาเรามาก ทุกครั้งที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนนามบัตรกับเพื่อนจากประเทศอื่นๆ หลายคนจะตื่นเต้นกับสิ่งที่เราทำมาก ไม่ว่าจะเป็นในแง่ธุรกิจหรือประโยชน์เพื่อสังคมที่เราทำคู่กันมาตลอด หรือแม้แต่นวัตกรรมใหม่ๆ ที่เราได้ทำอย่างจริงจัง" "อู๋" สุภกิณห์ จงเรืองทรัพย์ เล่าถึงประสบการณ์ที่ได้รับ
ตลอด 4 วันของการจัดงานได้มีการเปิดเวทีเพื่อพูดคุยสนทนาถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน ธุรกิจระดับโลก สุขภาพจิต สันติภาพและความปลอดภัย การศึกษา และสิ่งแวดล้อม โดยวันสุดท้ายของการจัดประชุม ประเทศแคนาดาได้ส่งมอบการเป็นเจ้าภาพงานประชุมผู้นำเยาวชนโลกครั้งที่ 8 ให้แก่ประเทศโคลอมเบียในปีหน้า รวมถึงการผูกริบบิ้นที่มีข้อความสิ่งที่ผู้แทนเยาวชนแลผู้นำรุ่นใหม่ตั้งใจจะทำเพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้
ด้าน "เคน" นายคเณศร์ เลื่อนไธสง จาก True International Gateway กล่าวว่า หลังจากได้เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้ทำให้มีมุมมองความรู้และประสบการณ์ในด้านต่างๆ ของสังคมมากยิ่งขึ้นทั้งด้าน สิทธิมนุษย์ชน, สุขภาพ, การศึกษา, การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ฯลฯ ทำให้เห็นว่าในโลกใบนี้ของเรายังคงมีหลายพื้นที่หลายภูมิภาคที่ประสบปัญหาเฉพาะด้านที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราไม่อาจจะคาดเดาได้ว่าเรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อใดในประเทศไทย ดังนั้นหนึ่งในประโยชน์ที่ได้รับมาจากการสัมมนาในครั้งนี้ คือแนวทางในการที่ประเทศต่างๆ ที่ใช้ในการรับมือและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะนำมาปรับใช้ให้เข้ากับสังคมและประเทศของเราได้
"แต่ประเด็นที่คิดว่าเป็นรากเหง้าของปัญหาทั้งหมดที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันนี้ และเป็นประเด็นระดับชาติของประเทศไทยด้วยก็คือเรื่องกระบวนทัศน์ของคนในประเทศที่เกิดมาจากระบบการศึกษา ตัวอย่างที่นำมาพูดคุยกันคือความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับชาวมุสลิมในประเทศอังกฤษหลังจากเหตุการณ์การก่อการร้ายในลอนดอนเมื่อปี 2005 ทำให้เกิดความเกลียดชังคนมุสลิมในประเทศอังกฤษมากขึ้น โดยคุณมาฮ์จิด นาวาซ ที่เป็นนักเคลื่อนไหว นักเขียนชื่อดังในประเทศอังกฤษได้ให้ข้อคิดในประเด็นนี้ว่าการศึกษาที่ดีและถูกต้องจะสามารถลดปัญหาความรุนแรงในเยาวชนได้ ไม่ใช่การศึกษาที่ได้รับจากสถาบันการศึกษาเท่านั้นแต่ต้องเกิดมาจากครอบครัวด้วย ซึ่งเมื่อกลับมามองประเทศไทยก็พบว่าปัญหาหลายๆ เรื่องก็มีรากฐานมาจากปัญหาเรื่องระบบการศึกษาที่ไม่ได้ถูกจัดการไว้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้ในการแก้ปัญหานี้ต้องเกิดจากการร่วมมือทั้งทางภาครัฐและเอกชนในการร่วมพัฒนาระบบการศึกษาที่ไม่ได้เน้นเฉพาะเนื้อหาทางด้านวิชาการที่ส่งเสริมให้คนเราเก่งเฉพาะทางด้าน ไอคิว แต่ยังคงต้องสอดแทรกหรือเพิ่มเติมสิ่งที่สามารถทำให้คนเราเก่งทางด้าน อีคิว เพิ่มขึ้นด้วยเพื่อทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งส่วนสำคัญที่จะสามารถลดหรือแก้ปัญหาต่างๆได้ในอนาคตอย่างแน่นอน" "เคน" คเณศร์ เลื่อนไธสง กล่าว
"Everthing started with imagination" เป็นคำกล่าวของ ศาสตราจารย์ มูฮัมหมัด ยูนูส ที่อธิบายว่าคนรุ่นใหม่ควรที่จะเป็นคนที่ริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ดีๆ ให้กับโลกนี้ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ที่ไล่ตามความคิดของคนผู้อื่นอย่างเดียว
"การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในวันนี้จะนำไปสู่คนรุ่นที่มีพลังมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เยาวชนรุ่นใหม่ซึ่งมีพลังและเทคโนโลยีต้องช่วยกันออกแบบระบบใหม่ไม่ให้มีความยากจนและการตกงาน โดยให้จินตนาการโลกที่คุณอยากจะอยู่และทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้" ศาสตราจารย์มูฮัมหมัด ยูนูส สรุป.