กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
คนขับแท็กซี่เกือบสองพันคนเห็นต่างจากสถิติของทางราชการที่ว่าการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจดีขึ้น ต่างเห็นว่านับแต่ปี 2557 เป็นต้นมา เศรษฐกิจดิ่งเหวโดยตลอด แม้แต่ในปีหน้าก็ยังอยู่ในช่วงขาลง และเชื่อว่านักท่องเที่ยวลดลงมากกว่าจะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เป็นผลจากการสำรวจคนขับแท็กซี่ทั้งในสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองที่เป็นเสมือน "ทูต" ไทยที่ได้พบกับนักท่องเที่ยวเป็นคนกลุ่มแรก ๆ
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) เปิดเผยผลการสำรวจของนายธนวิชญ์ ประสิทธิชัยวุฒิ และคณะ ซึ่งเป็นนักศึกษาฝึกงาน จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ที่สำรวจความเห็นของผู้ขับขี่แท็กซี่ ณ สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันจันทร์ที่ 25 เมษายน 2559 และวันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม 2559 เกี่ยวภาวะเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ดร.โสภณ กล่าวว่า เหตุผลที่เลือกสำรวจผู้ขับขี่แท็กซี่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองก็เพราะบุคคลเหล่านี้เป็นผู้ที่สัมผัสกับนักท่องเที่ยวเป็นอันดับแรกโดยตรงถือเป็นเสมือน "ทูต" ที่นักท่องเที่ยวต้องสัมผัสเป็นคนกลุ่มแรก ๆ ในประเทศไทย
ผลการสำรวจเบื้องต้นพบว่าผู้ขับขี่แท็กซี่จากสนามบินสองแห่งพบว่า ออกมาใกล้เคียงกัน จึงนำผลการศึกษามาประมวลรวมกัน ทั้งนี้ประเมินภาวะเศรษฐกิจปี 2559 อยู่ที่คะแนน 4.0 เต็ม 10 หรืออาจกล่าวได้ว่า ประเมินผลค่อนข้างติดลบ (ค่า 5 คือค่าที่เป็นกลางๆ) และคาดว่าในปี 2560 สถานการณ์ยังจะถดถอยต่อเนื่องโดยได้คะแนน 3.9 แต่ก็แล้วแต่สถานการณ์ หากมีการเลือกตั้งภาวะเศรษฐกิจอาจจะดีขึ้นกว่าที่คาดหมาย เพราะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ และยังจะทำให้นานาชาติยอมรับประเทศไทยมากขึ้น
ในการสัมภาษณ์ นอกจากให้ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน (ปี 2559) ก่อนแล้ว ยังให้ประเมินย้อนหลังไปปี 2558, 2557 และ 2556 ในที่สุด ก่อนที่จะให้ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2560 ข้างต้น ดังนั้นหากประมวลภาพรวมตั้งแต่ปี 2556 จะพบว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2556 (ก่อนรัฐประหาร) สถานการณ์ยังดีกว่าปี 2557 โดยในปี 2556 ได้คะแนนอยู่ที่ 6.6 พอปี 2557 ที่มีรัฐประหาร เศรษฐกิจก็ได้รับการประเมินลดลงเหลือ 5.4 และเหลือ 4.9 ในปีที่แล้ว (2558) และมาถึง 4.0 ในปี 2559 ส่วนปีหน้า (2560) คาดว่าเศรษฐกิจจะถดถอยลงอีกเล็กน้อย (เหลือ 3.9)
สำหรับการประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวในรอบ 4 เดือนแรกของปี 2559 เทียบกับ 4 เดือนแรกของปี 2558 ผู้ขับขี่แท็กซี่ส่วนใหญ่ถึง 39% เห็นว่าลดลงมาก ที่เห็นว่าลดลงเล็กน้อยมี 26% แสดงให้เห็นว่าจำนวนถึง 65% หรือราวสองในสามของผู้ขับขี่แท็กซี่ในสนามบินสุวรรณภูมิเห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง สวนทางกับข้อมูลของทางราชการ
ส่วนที่ผู้ขับขี่แท็กซี่เห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวไตรมาสแรกของปี 2558 และ 2559 พอๆ กัน หรือไม่เปลี่ยนแปลงมี 20% ส่วนที่เห็นว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมีเพียง 13% และที่เห็นว่าเพิ่มขึ้นมากมี 2% เท่านั้น ดังนั้นที่เห็นสวนทางกับผู้อื่นที่ว่ามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหรือเพิ่มขึ้นมากนั้นมีรวมๆ กันเพียง 15% ของราวหนึ่งในเจ็ดของผู้ขับขี่แท็กซี่ที่ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นเพียงส่วนน้อยมาก
อย่างไรก็ตามผลการประเมินโดยผู้ขับขี่แท็กซี่นั้นอาจต่างจากตัวเลขของทางราชการ ทั้งนี้เพราะนักท่อเที่ยวจีนที่เข้ามามากขึ้นแทนที่นักท่องเที่ยวชาติอื่นนั้น ไม่ค่อยใช้บริการแท็กซี่ แต่จะมาเป็นหมู่คณะ ขึ้นรถทัวร์ของคณะทัวร์เอง ผู้ขับขี่แท็กซี่จึงไม่ได้รายได้จากการนี้ และจึงแยกนักท่องเที่ยวจีนออกไป การประเมินของผู้ขับขี่แท็กซี่ จึงเน้นไปที่นักท่องเที่ยวจากส่วนอื่น ๆ หรือนักท่องเที่ยวอิสระจากจีนหรือประเทศอื่น ซึ่งไม่เพิ่มขึ้นหรือกลับลดลง
ดร.โสภณ ได้เคยวิเคราะห์ไว้ว่า แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น แต่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน ทำให้รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ดูสวยหรูแต่ไม่เป็นจริง (bit.ly/1W1Q8TB) โดยเมื่อพิจารณาถึงจำนวนเม็ดเงินที่ได้จากการท่องเที่ยวนั้น เม็ดเงินจากการท่องเที่ยวในปี 2557 เป็น 1,172,798 ล้านบาท และเม็ดเงินในปี 2558 กลับเป็นเพียง 1,090,015 ล้านบาท เพราะนักท่องเที่ยวจีนใช้เงินไม่มากนัก นี่แสดงว่าความไม่สงบและรัฐประหารที่ผ่านมา ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวหายไปพอสมควร
สำหรับข้อเสนอแนะ ดร.โสภณเสนอว่ารัฐบาลจึงควรสร้างความเชื่อมั่นต่อนานาชาติเพื่อให้นักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกา หรือชาติที่มั่งคั่งอื่น ๆ เข้ามาเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้ หากมีนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเข้ามามากขึ้น ก็จะทำให้ประเทศมีฐานะทางเศรษฐกิจดีขึ้นนั่นเอง
อ้างอิง:AREA แถลง ฉบับที่ 170/2559: วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2559
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน