กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
ภาพการท่องเที่ยวที่กระเตื้องขึ้นนั้น แท้จริงแล้ว ตามศักยภาพควรจะดีกว่านี้ แต่เป็นเพราะความไม่สงบทางการเมืองที่มีผู้ก่อขึ้นจนนำไปสู่รัฐประหาร ทำให้สถานการณ์ไม่ดีเท่าที่ควร
ตามที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านการท่องเที่ยว กีฬา และวัฒนธรรม กล่าวแถลงผลการดำเนินงานรัฐบาลรอบ 1 ปี ว่า ผลงานในกลุ่มด้านท่องเที่ยว กีฬา วัฒนธรรม และกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องถือว่า "ประสบผลความสำเร็จตามเป้าหมาย . . . ผมสามารถนำเงินเข้าประเทศได้ 2.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 11 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี มากกว่าปี 2558 คิดเป็น 23 เปอร์เซ็นต์ และนักท่องเที่ยว 29.6 ล้านคน มากกว่าปีที่แล้ว 28 เปอร์เซ็นต์" (http://bit.ly/1TgHVHW) ข้อนี้ดูน่าจะเป็นความสำเร็จ
แต่ข้อมูลในอีกด้านหนึ่งก็คือ
1. ข้อนี้อาจมีความคลาดเคลื่อน นักท่องเที่ยวปีที่แล้วมี 24.81 ล้านคน ปีนี้ 29.6 ล้านคน จึงเพิ่มขึ้น 19% (ไม่ใช่ 28%) อย่างไรก็ตาม ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เคยประเมินไว้ว่าทั้งปี 2558 จะมีนักท่องเที่ยว 30.007 ล้านคนหรือ เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน 21% (http://goo.gl/hTFkMX)
2. ที่นักท่องเที่ยวเข้ามาน้อยในปี 2557 เพียง 24.81 ล้านคนนั้น เป็นผลกระทบจากการเมือง โดยในปี 2556 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 26.547 ล้านคน
3. หากคิดจากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว ปี 2558 ควรมีนักท่องเที่ยวถึง 31.19 ล้านคนแล้ว และในปี 2558 น่าจะมีนักท่องเที่ยวถึง 36.646 แล้ว แต่นี่ไทยเรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาในปีนี้เพียง 30 ล้านคน ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าเป้าหมาย
4. ดังนั้นความไม่สงบทางการเมืองที่จบลงด้วยรัฐประหารนั้นทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อการท่องเที่ยวของประเทศ ทำให้ฐานะทางเศรษฐกิจของประชาชนย่ำแย่ลง และทำให้ขีดความสามารถของคู่แข่งขันเพิ่มขึ้น ในอนาคต หากนักท่องเที่ยวไปประเทศคู่แข่งมากขึ้น ย่อมทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในระยะยาว
การนำพาประเทศกลับสู่ความสงบในแบบประชาธิปไตยอารยะที่รัฐบาลสัญญาไว้แต่แรก จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจชาติอย่างแท้จริง
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน