กรุงเทพฯ--21 ต.ค.--สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
นางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า มกอช. และกรมวิชาการเกษตรได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) และตลาดค้าส่ง จำนวน14 ราย ได้แก่ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป, บริษัท ฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต จำกัด, บริษัท บิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท สยามแมคโคร จำกัด (มหาชน), บริษัท เอกชัย ดีสทรีบิวชั่นซิสเทม จำกัด, ตลาดสี่มุมเมือง,ตลาดศรีเมือง, บริษัท วิลล่ามาร์เก็ท เจพี จำกัด, บริษัท สุวรรณชาด จำกัด ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โกลเด้น เพลส),บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ดรีเทรล จำกัด, โครงการหลวง, บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด (ตลาดไท), บริษัท อิออน (ไทยแลนด์) จำกัด (แม็กซ์แวลู) และบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมวางมาตรการแก้ปัญหาสารพิษตกค้างในผักและผลไม้ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศ
เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า ทุกฝ่ายจะร่วมมือกันเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวทั้งในระยะสั้นและระยะยาว พร้อมดำเนินมาตรการแบบเข้มข้นให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันเพื่อให้เกิดผลจริงและเป็นรูปธรรม มีเป้าหมายควบคุมและบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน/การผลิตให้มีการใช้สารเคมีอย่างถูกต้อง เพื่อให้สินค้าผักและผลไม้มีความปลอดภัยสูงขึ้น โดยผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรดจะกำหนดมาตรการ/เงื่อนไขให้ผู้จัดส่งสินค้าหรือซัพพลายเออร์ (Supplier) ทุกราย ควบคุมมาตรฐานโรงคัดบรรจุจีเอ็มพี (GMP) และควบคุมแหล่งวัตถุดิบอย่างเข้มงวด เช่น สินค้าผักและผลไม้ควรมาจากฟาร์มมาตรฐานจีเอพี (GAP) ส่วนเกษตรกรที่ยังไม่เข้าระบบมาตรฐานดังกล่าวต้องควบคุมการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช โดยจดบันทึกการใช้สารเคมีที่ใช้ในแปลงเพื่อให้สามารถตรวจสอบต่อไปได้ และผลักดันให้เกษตรกรยื่นคำขอรับรองมาตรฐานGAP ในแบบรายเดี่ยวหรือรับรองแบบกลุ่ม
"ผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรดส่วนใหญ่ให้ความสนใจที่จะนำระบบตามสอบด้วยคิวอาร์โค้ด (QR Code) มาใช้เพื่อให้สามารถตามสอบถึงแหล่งผลิตได้ ซึ่ง มกอช. จะให้การสนับสนุนการพัฒนาระบบฯ กระทรวงเกษตรฯ และผู้ประกอบการจะได้ร่วมกันตรวจสอบสินค้า ติดตามเฝ้าระวังสุ่มตรวจผักและผลไม้ในห่วงโซ่การผลิตทั้งโมเดิร์นเทรดและตลาดค้าส่ง และจะตรวจสอบย้อนกลับไปยังผู้ผลิตหากพบปัญหาสารพิษตกค้างในผักและผลไม้ ทั้งกลุ่มสินค้าเกษตรอินทรีย์ สินค้าที่ได้รับรองมาตรฐาน GAP โรงคัดบรรจุ GMP และระบบอื่นๆ ที่ดำเนินการอยู่ เพื่อการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานให้เกิดมาตรฐานและมีความปลอดภัยในระยะยาว พร้อมตรวจสอบความถูกต้องของใบรับรองมาตรฐานดังกล่าวอย่างเข้มข้นด้วย" นางสาวดุจเดือน กล่าว
"นอกจากนี้ จะเร่งจัดส่งข้อมูลค่าปริมาณสูงสุดของสารพิษตกค้าง (MRL) ที่กระทรวงเกษตรฯ ดำเนินการปรับปรุงล่าสุดในปี 2559 ให้กับ สนง.คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อดำเนินการแก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุขปรับปรุงค่า MRL ให้ทันสมัยและสอดคล้องกันระหว่างสองหน่วยงาน เพื่อยกเลิกค่า MRL ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2551 ทั้งนี้หลายรายการได้มีการกำหนดเพิ่มเติมค่า MRL จากเดิมที่ไม่เคยกำหนดและมีการกำหนดค่าใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อใช้ประโยชน์ในการอ้างอิงในการตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหารอย่างถูกต้องต่อไป
น.ส. ดุจเดือน กล่าวเสริมว่าความร่วมมือในการสร้างความปลอดภัยในสินค้าเกษตรระหว่างหน่วยงานจากกระทรวงเกษตรฯ เช่น มกอช. กรมวิชาการเกษตร ร่วมกับแหล่งจำหน่ายทั้งโมเดิร์นเทรดและตลาดค้าส่ง รวมทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญในการยกระดับคุณภาพมาตรฐานของสินค้าเกษตรและอาหารตลอดห่วงโซ่อาหาร