กรุงเทพฯ--25 ต.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็งและมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งสามารถรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจต่างๆ ได้ อีกทั้งการดำเนินนโยบายการคลังและการเงินจากภาครัฐที่ยังคงมีความต่อเนื่อง จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจในระยะต่อไปขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. เครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของการบริโภคภาคเอกชน การใช้จ่ายภาครัฐ รายได้เกษตรกร และดัชนีความเชื่อมั่นต่างๆ ของผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งพร้อมรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจได้ ภาพรวมเศรษฐกิจมีเสถียรภาพสูงทั้งภายในและภายนอกโดยเห็นได้จากอัตราเงินเฟ้อและอัตราว่างงานที่ต่ำ อีกทั้งระบบการเงินและสถาบันการเงินก็มีเสถียรภาพและมั่นคง ในขณะที่ภาคการคลังมีระดับหนี้สาธารณะอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ร้อยละ 60 ของ GDP อยู่มาก นอกจากนี้ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจภายนอกก็มีความมั่นคงจากทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง
2. การดำเนินนโยบายการคลังและการเงินยังคงมีความต่อเนื่องมุ่งสู่ประเทศไทย 4.0 โดยเน้นมาตรการที่ดูแลทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับฐานรากไปจนถึง super cluster ขนาดใหญ่ เช่น การสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ธุรกิจ Startup การส่งเสริมการลงทุนจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ การส่งเสริมนวัตกรรมและการวิจัยพัฒนา การส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย การพัฒนาสู่เศรษฐกิจดิจิตัล และ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญในมิติอื่นๆ ได้แก่ การลดความเหลื่อมล้ำ การดูแลสิ่งแวดล้อม และการบริหารงานอย่างมีธรรมาภิบาลอีกด้วย ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานและมีเงินที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง เช่น มาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาสที่ 4 ปี 2559 โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ และโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย เป็นต้น
โดยสรุป กระทรวงการคลังมั่นใจว่าแรงส่งทางเศรษฐกิจในระยะที่ผ่านมาจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะถัดไป อีกทั้งปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นพร้อมรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายการคลังที่มีความต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังจะติดตามภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะดำเนินมาตรการการคลังการเงินเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น