กรุงเทพฯ--26 ต.ค.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์
มากกว่าครึ่งของคนที่เดินทางในวันหยุดมีเป็นบางครั้งหรือหลายๆ ครั้งที่ต้องทำงานไปด้วยมากกว่าครึ่งของคนกลุ่มนี้ จำเป็นต้องยกเลิกหรือเลื่อนทริปซึ่งมีสาเหตุจากงานมีเพียง 1 ใน 10 ของผู้คนที่ถูกสำรวจที่สามารถ "ปิดตัวเอง" จากการทำงานได้อย่างเต็มที่ในช่วงวันหยุด และจำไม่ได้แล้วว่าเคยมีวันหยุดที่ไม่มีงานเข้ามาขัดจังหวะ
หลายคนใช้เวลาในช่วงวันหยุดไปกับการทำงานแทนที่จะไปพักผ่อนกับคนในครอบครัว นี่คือผลการสำรวจที่ "ฮอลิเดย์อินน์" ได้ค้นพบ โดยจากการสำรวจครั้งสำคัญครั้งนี้ ฮอลิเดย์อินน์พบว่ามีคนเพียง 1 ใน 10 คนเท่านั้นที่สามารถ "ปิดตัวเอง" จากการทำงานในช่วงวันหยุด และมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่จำไม่ได้แล้วว่า เคยมีวันหยุดที่ไม่มีงานเข้ามาขัดจังหวะ
การสำรวจชุด "ทำในสิ่งที่รักให้มากขึ้น" (Do More of What You Love) ของโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เป็นการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากนักเดินทางทั่วภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เพื่อสำรวจว่าแขกผู้เข้าพักชอบทำอะไรและชอบดูอะไรในระหว่างวันหยุดพักผ่อนกับเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัว ผลการสำรวจระบุว่า ในโลกที่ทุกอย่าง "ไม่เคยหยุดนิ่งและเชื่อมต่อตลอดเวลา" ของนักเดินทางยุคปัจจุบัน พวกเขาพบว่าเป็นเรื่องที่ยากและท้าทายมากที่จะตัดตนเองออกจากการทำงานได้อย่างแท้จริง
มากกว่าครึ่ง (56%) ของนักเดินทางในการสำรวจครั้งนี้บอกว่า บางครั้งหรือหลายๆ ครั้งที่พวกเขาต้องทำงานในช่วงที่เดินทางไปพักผ่อนในวันหยุด และมากกว่า 55% ของคนกลุ่มนี้บอกว่าเคยต้องยกเลิกหรือเลื่อนทริปออกไปเพราะมีงานเร่งด่วนในนาทีสุดท้ายเข้ามาให้ต้องรับผิดชอบ
กลุ่มผู้ถูกสำรวจในการสำรวจครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง มีลูกแล้วหรือยังไม่มี ต่างก็ตอบออกมาตรงกันว่าการหยุดพักผ่อนอย่างสบายนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้สำเร็จ:
ผู้ชาย (จำนวน 57%) มากกว่าผู้หญิง (42%) ที่บ่อยครั้งต้องทำงานในวันหยุดผู้ชายมากกว่าผู้หญิงที่ตอบแบบสำรวจ (56% และ 43% ตามลำดับ) เผยว่าพวกเขาจำเป็นต้องยกเลิกหรือเลื่อนทริปออกไปเพราะมีงานด่วนเข้ามากะทันหันในกลุ่มคนที่ต้องยกเลิกหรือเลื่อนทริปเนื่องจากติดงานนั้น กลุ่มที่ไม่มีลูกคือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด (63%)
นักเดินทางบางส่วนพยายามค้นหาหนทางที่จะทำให้สามารถทำงานได้ในช่วงวันหยุด โดยเกือบ 1 ใน 3 (30%) บอกว่าพวกเขาเช็คอีเมล์และข้อความเกี่ยวกับงานเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกหลับ นอกจากนี้การสำรวจยังพบอีกว่า ผู้หญิง (61%) มีระเบียบแบบแผนมากกว่าผู้ชาย (38%) ในประเด็นนี้
สำหรับการเปรียบเทียบผลสำรวจในภูมิภาคต่างๆ พบว่าผู้ถูกสำรวจที่มีลูกจากญี่ปุ่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดีย ได้คะแนนสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ ตรงที่จะเช็คงานเฉพาะในช่วงที่ลูกๆ หลับ ในขณะที่กลุ่มที่มาจากตะวันออกกลางอยู่ในกลุ่มที่ได้คะแนนต่ำที่สุดในเรื่องนี้ กล่าวคือมีจำนวนเกือบครึ่ง (47%) ที่เผยว่าต้องยกเลิกหรือเลื่อนทริปของครอบครัวไปเลยเพราะเรื่องงาน
มร.ลี หลิน เตียว ผู้อำนวยการฝ่ายการจัดการแบรนด์ ฮอลิเดย์ อินน์ ภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป (ไอเอชจี) กล่าวว่า "แม้ว่าจะมีนักเดินทางจำนวนมากยอมรับว่า งานเข้ามารุกล้ำช่วงเวลาของวันหยุด แต่ผลสำรวจที่เราค้นพบนี้ก็ยังบอกเราด้วยเช่นกันว่า มีนักเดินทางอีกกลุ่มที่พบหนทางในการปิดตนเองได้ และเปิดโอกาสให้ตนเองได้พักผ่อนและสนุกกับวันหยุดอย่างเต็มที่"
"สำหรับฮอลิเดย์ อินน์ เราต้องการนำความสุขในการเดินทาง ความรู้สึกพิเศษของการได้ทำในสิ่งที่รักให้มากขึ้นกับคนที่คุณรักที่สุด โดยเฉพาะคนในครอบครัว กลับมาให้คุณอีกครั้ง"
สำหรับนักเดินทางรุ่นเล็กทั่วทั้งภูมิภาคที่ได้รับการสำรวจนั้นหลายคนกล่าวว่า เห็นพ่อและแม่ของตัวเองทำงานในช่วงวันหยุดพักผ่อนมากกว่าที่จะใช้เวลาอย่างมีคุณภาพกับพวกเขา ในความเป็นจริง มากกว่า 1 ใน 10 ที่บอกว่า ผู้ปกครองของพวกเขานั้นทำงานในช่วงวันหยุดอยู่เสมอ ข้อมูลนี้ถือว่าน่านำไปขบคิดต่อหากพิจารณาว่าเกือบ 1 ใน 4 (23%) ของเด็กๆ บอกว่ารู้สึกเสียใจที่เห็นพ่อแม่ต้องทำงานในช่วงวันหยุด และบอกว่าพวกเขาเพียงต้องการใช้เวลาร่วมกันหรือเล่นด้วยกันกับพ่อแม่มากกว่า
"โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์มีจุดยืนสำคัญเรื่องการนำเสนอความสนุกสนานและบรรยากาศที่เหมาะกับการพักผ่อนช่วงวันหยุดสำหรับครอบครัว เพื่อช่วยสลายความเครียดให้กับแขกผู้เข้าพักในช่วงหยุดพักผ่อน เพราะเรารู้ดีว่านั่นคือสิ่งทื่แขกของเราต้องการ"
"เราเป็นเครือโรงแรมแบรนด์แรกในโลกที่ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนอย่างไม่ต้องมีความวุ่นวายใดๆ มารบกวน ด้วยแพ็คเกจ "Kids Stay and Eat Free" และสำหรับช่วงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการทำงานช่วงวันหยุดได้ ห้อง Kids Club และห้อง KidSuite® จะช่วยให้แขกผู้เข้าพักตัวน้อยสามารถมีความสุขและสนุกสนานไปกับทุกอย่างในห้องจนกว่าจะถึงช่วงเวลาที่ทั้งครอบครัวจะได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อไปเล่นน้ำทะเลด้วยกันหรือไปทำกิจกรรมอื่นๆ ร่วมกัน" มร.ลี หลิน เตียว กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ในประเทศไทย เครือฮอลิเดย์อินน์ โฮเท็ลส์ แอนด์ รีสอร์ตส มีโรงแรมจำนวน 7 แห่ง ฮอลิเดย์อินน์มีโรงแรมและรีสอร์ทเปิดให้บริการทั้งสิ้นเกือบ 1,200 แห่ง และมีอีก 260 แห่งที่จะเปิดให้บริการในช่วงเวลา 3-5 ปีจากนี้