กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายสุรพล จารุพงศ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มอบหมายนโยบายให้ทุกหน่วยงานดำเนินการขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าเกษตรภายใต้การบริหารจัดการพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการผลิตโดยเกษตรกร หรือองค์กรเกษตรกรในพื้นที่และกิจกรรมที่ติดต่อกันเป็นแปลงใหญ่ รวมทั้งทำให้เกิดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เพื่ออำนาจการต่อรองของเกษตรกร ตลอดจนกระบวนการผลิต การจัดการปัจจัยการผลิต การเก็บเกี่ยว การจัดการหลังการผลิต การแปรรูปเบื้องต้น และการตลาด
กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ร่วมขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว ในการดำเนินการที่ผ่านมาปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ได้ดำเนินการสอนแนะ/อบรมการจัดทำบัญชีแก่เกษตรกรสมาชิกแปลงใหญ่ไปแล้ว จำนวน ๑88 แปลง 18,298 ราย แบ่งเป็น แปลงต้นแบบ จำนวน ๗6 แปลง 8,903 ราย และแปลงทั่วไป จำนวน 112 แปลง 9,395 ราย และได้ดำเนินการพัฒนาฐานเรียนรู้ด้านบัญชีประจำศูนย์เรียนรู้ จำนวน 185 ฐาน (ศูนย์เรียนรู้ละ ๑ ฐาน) และการจัดหาครูบัญชีอาสาประจำศูนย์เรียนรู้แล้ว จำนวน 1,041 ราย ซึ่งดำเนินการผ่านสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัด ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทั้งสำนักงานเกษตรจังหวัด และเกษตรและสหกรณ์จังหวัด เพื่อนำครูบัญชีอาสาSmart Farmer ที่มีความรู้ในอาชีพเกษตรเฉพาะด้าน ซึ่งเป็นเครือข่ายในพื้นที่ ดำเนินการสอนแนะ/อบรมการจัดทำบัญชีให้แก่เกษตรกรในพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ เพื่อเป็นแนวทางการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้กับเกษตรกร นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการให้ความรู้ในการจัดทำบัญชีแก่เกษตรกรสมาชิกศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร เพื่อให้เกษตรกรเห็นประโยชน์ของการจัดทำบัญชี และสามารถนำข้อมูลบัญชีไปใช้ในการประกอบอาชีพ และสามารถลดต้นทุนการผลิตได้
นายสุรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า "กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว โดยครูบัญชีอาสาจะเป็นต้นแบบด้านการทำบัญชี พร้อมสอนแนะเกษตรกรให้ทำบัญชีรับ-จ่ายในครัวเรือน และบัญชีต้นทุนอาชีพ จะทำให้เกษตรกรรู้รายรับ รายจ่าย สามารถคำนวณกำไร-ขาดทุนต่อรอบการผลิต และรู้ค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพของตนเอง ขณะเดียวกันยังสามารถนำข้อมูลทางบัญชีมาวางแผนการผลิต และปรับลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น และมีเงินเหลือเก็บหรือปลดหนี้สินได้ และสามารถบริหารจัดการผลผลิตและการตลาดของตนเองได้ต่อไปในอนาคต" นายสุรพล กล่าว