กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์ปริมาณน้ำใช้การได้ในอ่างเก็บน้ำที่สำคัญของภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมายังคงมีปริมาณน้อย เนื่องจากขณะนี้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกได้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วง และเกิดไฟไหม้พื้นที่ป่าพรุควนเคร็งในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งสถานการณ์น้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาในพื้นที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ในระดับวิกฤต รวมทั้งเขื่อนปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 25% เขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี มีปริมาณน้ำใช้การได้ 25% และเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา มีปริมาณน้ำใช้การได้ 10% จึงได้มอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติการฝนหลวงและบริหารการใช้เครื่องบินในช่วงกลางเดือนตุลาคมให้มีความเหมาะสม โดยเน้นการเติมน้ำต้นทุนให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำในภาคใต้ครอบคลุมทั้งภูมิภาค
พลเอก ฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้มีการปรับฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เป็นหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อปฏิบัติการฝนหลวง โดยช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับเขื่อนหลักในพื้นที่รับผิดชอบ โดยมีเครื่องบินชนิด คาราแวน จำนวน 2 เครื่อง มาสนับสนุนเพิ่มเติมตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ยังคงหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงหัวหินและหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดสงขลา เพื่อเร่งแก้ปัญหาน้ำประปาขาดแคลนในพื้นที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยการเพิ่มปริมาณแหล่งน้ำดิบและน้ำในพื้นที่การเกษตร การสร้างความชุ่มชื้นและดับไฟพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง รวมทั้งเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา เขื่อนปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยมีเครื่องบินชนิดคาราแวน จำนวน 3 เครื่อง ที่หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงหัวหิน และเครื่องบินชนิด บีที 67 จากกองทัพอากาศเข้ามาร่วมสนับสนุนอีก 1 เครื่อง ที่หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดสงขลา
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนในพื้นที่มั่นใจว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตรยังคงปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ฝนทิ้งช่วงและเติมน้ำในเขื่อนสำคัญของประเทศโดยไม่ให้กระทบกับพื้นที่เสี่ยงการเกิดอุทกภัยอย่างแน่นอน