กรุงเทพฯ--31 ต.ค.--กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
วันนี้ 31 ตุลาคม 2559 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เชิญชวนนิสิต นักศึกษา ประชาชน ร่วมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ร่วมตามรอยเบื้องพระยุคลบาทชมหอเฉลิมพระเกียรติพระบิดาแห่งฝนหลวง ณ บริเวณ ท่าอากาศยานหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่าเมื่อปี ๒๕๔๕ รัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรีให้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในฐานะทรงเป็นพระบิดาแห่งฝนหลวง และมีมติให้ทุกวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็นวันพระบิดาแห่งฝนหลวง คณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวง และปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น (นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา) เห็นพ้องและมีมติให้ศูนย์ฝนหลวงหัวหินเป็นศูนย์เฉลิมพระเกียรติและเป็นศูนย์ต้นแบบ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ทำการพัฒนาปรับปรุงอาคารศาลาที่ประทับ ซึ่งเป็นอาคารท่าอากาศยานเดิมที่กรมการขนส่งทางอากาศมอบให้เป็นอาคารที่ทำการทั้งหลัง ประกอบด้วยห้องทรงงานและที่ทำการของศูนย์ฝนหลวงหัวหินทั้งระบบ ประกอบกับมีเอกชนบริจาคคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ครบชุด ทำให้สามารถพัฒนายกระดับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีศักยภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สามารถเชื่อมโยงกับเครือข่ายของพระราชวังไกลกังวล ถวายรายงานต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้โดยตรง ซึ่ง ฯพณฯ องคมนตรีอำพล เสนาณรงค์ ได้นำคณะฯ เข้าเฝ้า ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข พระราชวังไกลกังวล ทูลเกล้าฯ ถวายกุญแจห้องทรงงาน ณ ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2545
ในระยะเริ่มแรกของโครงการฝนหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกฐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้สนามบินบ่อฝ้าย อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นฐานปฏิบัติการหลักในการวิจัยค้นคว้าทดลองเพื่อพัฒนาขั้นตอนกรรมวิธีและเทคนิคในการปฏิบัติการฝนหลวงมาตั้งแต่ พ.ศ. 2512 เป็นต้นมา และเสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพระราชกรณียกิจดังกล่าวด้วยพระองค์เอง ทั้งระหว่างที่ทรงแปรพระราชฐานมาประทับ ณ พระราชวังไกลกังวล หรือทรงบัญชาการมาจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน กรมการบินพาณิชย์ได้จัดอาคารท่าอากาศยานในขณะนั้นให้เป็นสถานที่ทรงงาน จึงเรียกกันว่า "ศาลาที่ประทับ" ตั้งแต่นั้นมา เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะปฏิบัติการฝนหลวงมาปฏิบัติการในพื้นที่นี้ ทั้งปฏิบัติการฝนหลวงของกระทรวงเกษตรฯ ตามปกติและปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษตามพระราชประสงค์ โดยได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงตรวจเยี่ยมศูนย์ฝนหลวงหัวหิน และคณะปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษเคลื่อนที่เร็วติดตามพระองค์ เพื่อทรงบรรยายและสาธิตการทำฝนหลวงแก่นักเรียนไกลกังวลในรายการศึกษาทัศน์ของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2544 และยังได้รับการบำรุงรักษาให้คงสภาพพร้อมที่ใช้เป็นศาลาที่ประทับได้ทุกขณะตลอดมาจนถึงปัจจุบัน จึงนับได้ว่าสถานที่นี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโครงการฝนหลวง
ในห้องทรงงาน ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงคิดค้นปรากฏเป็นแผนภาพประมวลขั้นตอนกรรมวิธี การทำฝนหลวง 6 ขั้นตอน ภายในยังมีภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ที่พระองค์ทรงถ่ายภาพ ขณะพบมวลเมฆจับตัวกันจนเกิดฝนที่ทะเลหัวหิน วังไกลกังวล พระราชทานให้กับศูนย์ปฎิบัติการฝนหลวง นอกจากตำราฝนหลวงพระราชทาน และภาพถ่ายฝีพระหัตถ์จากวังไกลกังวลแล้ว ในห้องทรงงานมีดินสอ เข็มทิศ สารฝนหลวง ที่เป็นสูตรที่ทรงคิดค้น และแผนที่ประเทศไทยขนาด 1 ต่อ 2 แสน 5 หมื่น หลังด้านหลังของโต๊ะทรงงานในห้องทรงงานฝนหลวง ที่ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน สนามบินบ่อฝ้าย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ต้องกล่าวถึง นั่นคือ เครื่องบินที่เกษตรกรชาวไร่อ้อย เขต ๗ ได้รวบรวมเงินบริจาคซื้อถวายเพื่อเป็นเครื่องบินที่ใช้ปฏิบัติการฝนหลวงและยังเป็นเครื่องบินที่พระองค์ท่านทรงเจิมด้วยพระองค์เองที่จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์อันงามสง่าอยู่หน้าหอเฉลิมพระเกียรติพระบิดาแห่งฝนหลวงอีกด้วย
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเชิญชวนให้เยาวชน นิสิต นักศึกษา ประชาชน ร่วมศึกษางานของพระองค์ท่านตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เพื่อเป็นแนวทางการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ในอนาคต ที่จะทราบงานวิจัยพัฒนาคิดค้นวิธีการต่างๆ ในการช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ให้รอดพ้นความเดือดร้อนจากภัยแล้ง โดยการพยายาม ดัดแปรสภาพอากาศให้สามารถนำมาก่อให้เกิดประโยชน์ได้ในวงกว้างสมดังปณิธานของพระองค์ โดยสามารถติดต่อขอเข้าชมหอเฉลิมพระเกียรติพระบิดาแห่งฝนหลวงได้ทุกวัน ภายในศูนย์ฝนหลวงหัวหิน ท่าอากาศยานหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์