กรุงเทพฯ--31 ต.ค.--บีโอไอ
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมบอร์ดบีโอไอ ไฟเขียวให้สิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมการลงทุน 13 โครงการ มีมูลค่าเงินลงทุนตามโครงการรวม 63,440 ล้านบาท ทั้งกิจการในกลุ่มเกษตรและผลิตผลจากการเกษตร ปิโตรเคมี กระดาษ พลังงาน เป็นต้น ก่อให้เกิดการใช้วัตถุดิบในประเทศมูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านบาทต่อปี
นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติให้ส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการในกลุ่มต่างๆ จำนวน 13 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 63,440 ล้านบาท มีมูลค่าที่เกิดจากการใช้วัตถุดิบในประเทศรวมกว่า 15,220 ล้านบาทต่อปี ประกอบด้วย
กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและผลิตผลจากการเกษตร
1.บริษัท มาร์สเพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขยายกิจการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเม็ด ปีละประมาณ 180,000 ตัน อาหารสัตว์เลี้ยงบรรจุภาชนะผนึก ปีละประมาณ 9,500 ตัน เงินลงทุนทั้งสิ้น 1,710 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา บริษัทมาร์สเพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่ม Mars Incorporated ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกมากว่า 70 ปี และเป็นหนึ่งในฐานการผลิตของกลุ่ม การขยายการลงทุนครั้งนี้บริษัทจะใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น ข้าวโพด เศษเนื้อโครงกระดูกเป็ดไก่ แป้งสาลี น้ำมันพืช ถั่วเหลือง เป็นต้น มูลค่าประมาณ 2,626 ล้านบาทต่อปี
2.นายเพชร ศรีหล่มสัก ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตแผ่นใยไม้อัด ความหนาแน่นปานกลาง โดยใช้วัตถุดิบจากเศษไม้ เช่น ไม้ยางพารา มีกำลังผลิตปีละประมาณ 184,800 ลูกบาศก์เมตร เงินลงทุนทั้งสิ้น 1,319.7 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ จังหวัดปทุมธานี โดยโครงการนี้จะใช้วัตถุดิบในประเทศทั้งสิ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 565.7 ล้านบาทต่อปี
กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง
3.บริษัทจงเช่อ รับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ขยายกิจการผลิตยางยานพาหนะ เงินลงทุนทั้งสิ้น 4,370.5 ล้านบาท โดยจะผลิตยางสำหรับรถยนต์นั่ง (Passenger Car Radial Tires) และยางสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสาร (Truck Bus Radial Tires) กำลังผลิตปีละ 4,000,000 เส้น ยางทางการเกษตรและยางออฟเดอะโรด (Diagonal Tire) กำลังผลิตปีละประมาณ 1,000,000 เส้น และยางรถจักรยานยนต์ (Motorcycle Tire) ปีละประมาณ 500,000 เส้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 4,370.5 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ตามโครงการจะมีการใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น ยางแท่งและยางแผ่น มูลค่าประมาณ 1,705.6 ล้านบาทต่อปี
4.บริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ดแอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ขยายกิจการซ่อมเรือขนาดตั้งแต่ 500 ตันกรอส ปีละประมาณ 93 ลำ เงินลงทุนทั้งสิ้น 1,360 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยโครงการจะรองรับการให้บริการซ่อมเรือสินค้าขนาดใหญ่ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในอนาคต และสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐในการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือแหลมฉบัง แผนพัฒนาโครงข่ายเชื่อมต่อระหว่างท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือน้ำลึกทวาย รวมทั้งแผนพัฒนาภาคธุรกิจขนส่งสินค้าภายในประเทศ ทั้งนี้โครงการจะใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น สี และ Cable มูลค่ารวมประมาณ 18.2 ล้านบาทต่อปี
กลุ่มอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ พลาสติก และกระดาษ
5.บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด ขยายกิจการผลิตก๊าชคาร์บอนมอนอกไซด์ ปีละประมาณ 60,000 ตัน ก๊าชไฮโดรเจน ปีละ 10,000 ตัน และไอน้ำ 10.3 ตันต่อชั่วโมง เงินลงทุนทั้งสิ้น 3,811 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย จังหวัดระยอง โดยโครงการนี้จะเป็นการผลิตก๊าชสำหรับอุตสาหกรรมซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในอุตสาหกรรมเคมีและพลาสติก มีการใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น ก๊าชธรรมชาติ มูลค่าประมาณ 735 ล้านบาทต่อปี
6.นายศุภชล นิธิวาสิน ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ได้แก่ BUTADIENE ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตยางล้อรถ ชิ้นส่วนยานยนต์ ถุงมือยาง รองเท้าและอุปกรณ์กีฬา กำลังผลิตปีละ 90,000 ตัน และ METHYL TERTIARY BUTYL ETHER (MTBE) ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ ใช้ในอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม กำลังผลิตปีละประมาณ 27,000 ตัน เงินลงทุนทั้งสิ้น 9,153 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก (มาบตาพุด) จังหวัดระยอง โดยโครงการจะมีการใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น Butene/Butanes Mixture และToluene เป็นต้น มูลค่ารวมประมาณ 6,264.4 ล้านบาทต่อปี
7.บริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด ขยายกิจการผลิตน้ำยางสังเคราะห์ (SYNTHETIC LATEX) ชนิดที่มีคุณสมบัติเด่น คือ ทนต่อน้ำมันปิโตรเลียมและตัวทำละลายที่ไม่มีขั้วต่างๆ ได้ดี รวมถึงมีคุณสมบัติพิเศษกว่าถุงมือจากน้ำยางธรรมชาติ คือ ไม่มีสารโปรตีนที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ สามารถนำไปผลิตถุงมือยางได้ทั้งชนิดที่เป็นถุงมือการแพทย์ ถุงมือเพื่อใช้ในครัวเรือน และถุงมืออุตสาหกรรม กำลังผลิตปีละประมาณ 300,000 ตัน เงินลงทุนทั้งสิ้น 12,229 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น ACRYLONITRILE MONOMER และ MAA เป็นต้น มูลค่ารวม ประมาณ 1,237 ล้านบาทต่อปี
8.บริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) ขยายกิจการผลิตกระดาษคราฟท์ ที่มีคุณสมบัติด้านความแข็งแรง สำหรับนำไปแปรรูปเป็นกระดาษสำหรับทำกล่องลูกฟูกชนิดต่างๆ กำลังผลิตปีละประมาณ 400,000 ตัน เงินลงทุนทั้งสิ้น 6,550 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี โครงการจะมีการใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น เยื่อกระดาษ เศษกระดาษ และสารเคมี เป็นต้น มูลค่ารวมประมาณ 2,067.7 ล้านบาทต่อปี
กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ และสาธารณูปโภค
9.บริษัท ร่วมกำลาภพาวเวอร์ จำกัด ขยายกิจการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล ได้แก่ กากอ้อย ขนาด 37 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 400 ตัน/ชั่วโมง เงินลงทุนทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์
10.บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด ขยายกิจการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน และเชื้อเพลิงสำรองจากเชื้อเพลงจากขยะ (Refuse Derived Fuel) ขนาด 150 เมกะวัตต์ เงินลงทุนทั้งสิ้น 6,536.8 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
11.บริษัท พรีเชียสมูนส์ จำกัด ขยายกิจการเรือบรรทุกสินค้าเทกองแบบเอนกประสงค์ จำนวน 1 ลำ ให้บริการรับบรรทุกสินค้าทางการเกษตร เหล็ก ปุ๋ย ไม้ซุง ถ่านหิน และอื่น ๆ เส้นทางระหว่างประเทศแบบไม่ประจำเส้นทาง ขนาดเรือ 36,416 ตันกรอส ระวางบรรทุก 63,345 เดทเวทตัน เงินลงทุนทั้งสิ้น 900 ล้านบาท
12.บริษัท พรีเชียสฟอเรสท์ จำกัด ขยายกิจการเรือบรรทุกสินค้าเทกองแบบเอนกประสงค์ ให้บริการรับบรรทุกสินค้าทางการเกษตร เหล็ก ปุ๋ย ไม้ซุง ถ่านหิน และอื่น ๆ เส้นทางระหว่างประเทศแบบไม่ประจำเส้นทางขนาดเรือ 36,416 ตันกรอส ระวางบรรทุก 63,345 เดทเวทตัน เงินลงทุนทั้งสิ้น 900 ล้านบาท
13.บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ขยายกิจการขนส่งก๊าชธรรมชาติทางท่อ ประมาณ 65,700 ล้านลูกบาศก์ฟุต/ปี เงินลงทุนทั้งสิ้น 13,600 ล้านบาท โดยเป็นการวางท่อก๊าชธรรมชาติบนบก ขนาด 30 นิ้ว จากสถานีควบคุมความดันก๊าชธรรมชาติ จังหวัดนนทบุรี ไปยัง จังหวัดราชบุรี รวมระยะทาง 120 กิโลเมตร เพื่อรองรับการขยายตัวสำหรับภาคการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย