กรุงเทพฯ--1 พ.ย.--แอสเซนด์ มันนี่
บริษัท แอนท์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิเซส กรุ๊ป ("แอนท์ ไฟแนนเชียล" หรือ "บริษัท") หนึ่งในผู้นำการให้บริการทางการเงิยดิจิทัลระดับโลก ประกาศแผนงานที่จะขยายการเข้าถึงบริการทางการเงินทั่วโลก และความตกลงทางกลยุทธ์ร่วมกับ บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด บริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน หรือฟินเทค ชั้นนำของไทย ความตกลงนี้ รวมไปถึงการลงทุนของแอนท์ ไฟแนนเชียล ในบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด ซึ่งจะช่วยเร่งการเติบโตของวิถีชีวิตที่พึ่งพามือถือมากขึ้น และการเติบโตของระบบการใช้จ่ายดิจิทัลในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การร่วมมือระหว่างบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด และ แอนท์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กรุ๊ป เพื่อร่วมผลักดันการเติบโตของการใช้จ่ายแบบออนไลน์และออฟไลน์ และเป็นการสร้างระบบการให้บริการทางการเงินที่เข้มแข็ง สะดวก ปลอดภัย และมั่นใจได้ ให้กับผู้บริโภคและร้านค้า โดยความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการลงทุนครั้งแรกกับบริษัทไทยของแอนท์ ไฟแนนเชียล ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่แอนท์ ไฟแนนเชียล มีต่อแอสเซนด์ มันนี่ บริษัทผู้ให้บริการด้านการเงินอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของไทย ความร่วมมือในครั้งนี้ จะทำให้แอสเซนด์ มันนี่ได้รับการสนับสนุนด้านกลยุทธ์และทางเทคนิค ซึ่งเป็นนวัตกรรมระดับโลกที่แอนท์ ไฟแนนเชียลได้นำพาบริการอาลีเพย์ แอพพลิเคชันการชำระเงินและไลฟ์สไตล์โมบายล์ประสบความสำเร็จอย่างสูง และมีผู้ใช้งานมากที่สุดของจีน
ด้วยศักยภาพของแอนท์ ไฟแนนเชียลในการพัฒนาระบบการชำระเงิน ด้วยบิ๊กดาต้า (Big Data) เพื่อควบคุมความเสี่ยง และในการนำระบบคลาวด์มาใช้งาน แอสเซนด์ มันนี่จึงมั่นใจว่าจะสามารถต่อยอดความสำเร็จในด้านการให้บริการทางการเงินดิจิทัลได้เป็นอย่างดี และเพื่อเป็นการให้ผู้บริโภคชาวไทยได้มีโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินที่ครอบคลุมและเท่าเทียม นอกจากนี้ ความร่วมมือกันในครั้งนี้ แอสเซนด์ มันนี่ถือเป็นพันธมิตรรายแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของแอนท์ ไฟแนนเชียล และเป็นพันธมิตรรายที่สองในโลก ต่อจากเพย์ทีเอ็มของอินเดีย ดังพันธกิจของบริษัทที่จะนำการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่งดงามมาสู่โลก
นายอีริค จิง ประธานคณะผู้บริหารของแอนท์ ไฟแนนเชียล กล่าวว่า "ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และข้อมูล คือหลักสำคัญที่จะทำให้เป้าหมายของแอน์ ไฟแนนเชียล ในการที่จะสร้างโอกาสเท่าเทียมกัน ในการขยายการเข้าถึงบริการทางการเงินให้กับทุกคนบนโลก เป็นจริงขึ้นมา เรามุ่งมั่นที่จะขยายบริการสู่ผู้บริโภคกว่าสองพันล้านคนในสิบปีข้างหน้า โดยการสร้างเระบบเปิดกับพันธมิตรของเราทั่วโลก ตลาดการชำระเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีศักยภาพที่สูงและการแข่งขันที่ยังน้อยอยู่ เรายังอยากที่จะช่วยเหลืออุตสาหกรรมรายเล็กและรายย่อย และประชาชนทั่วไป ในการนำเสนอบริการทางการเงินที่ปลอดภัยและไว้ใจได้ และแอสเซนด์ มันนี่ ในฐานะผู้นำในประเทศไทย ก็พร้อมที่สุดที่จะสร้างระบบนวัตกรรมทางการเงินใหม่ในไทย"
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า "พันธกิจของแอสเซนด์ มันนี่คือการให้โอกาสคนทุกคนให้เข้าถึงนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อยกระดับชีวิตให้ดีขึ้น และการที่ทั้งสองบริษัทมีพันธกิจที่คล้ายกัน ในการขยายการเข้าถึงบริการทางการเงินให้กับประชากรทุกคน รวมไปถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างโอกาสและความยั่งยืน นำมาซึ่งความร่วมมือในวันนี้"
นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ประธานคณะผู้บริหาร บริษัทแอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า "จุดมุ่งหมายของเราคือการช่วยเหลือผู้ที่ยังไม่สามารถรับบริการทางการเงินของสถาบันการเงินได้เต็มที่ ซึ่งรวมไปถึงผู้บริโภคที่คุ้นเคยกับโลกดิจิทัล และผู้ที่เข้าไม่ถึงบริการของสถาบันการเงิน โดยเราคาดหวังที่จะให้บริการนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ให้กับลูกค้าทั่วไปและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกว่า 100 ล้านรายในไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในปี พ.ศ. 2563 ความร่วมมือระหว่างเราและแอนท์ ไฟแนนเชียล จะช่วยเร่งระบบและนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ เพื่อสร้างระบบการเงินที่เข้มแข็ง"
อนึ่ง บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เป็นผู้นำด้านธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงิน หรือ fintech ในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้ชื่อ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด สำหรับธุรกิจการให้บริการด้านการเงิน และ บริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด สำหรับธุรกิจเงินกู้รายย่อย บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ และมีให้บริการใน 6 ประเทศ รวมไปถึงไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เมียนมา และกัมพูชา โดยบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด มุ่งเป้าไปที่ลูกค้าสองกลุ่มหลัก คือกลุ่มผู้บริโภคยุคดิจิทัล ด้วยบริการแอพพลิเคชั่นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ และลูกค้ากลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน ด้วยเครือข่ายตัวแทนที่กว้างขวาง ซึ่งนอกจาก บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด จะให้บริการการชำระเงิน การโอนเงินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
การชำระบิล การเติมเงิน การชำระเงินแบบออนไลน์และออฟไลน์ และการจ่ายเงินเดือนแล้ว ในอนาคตจะมีบริการด้านเงินกู้ ประกันภัย และการลงทุน อีกด้วย
นายดักลาส ฟีกิน รองประธานอาวุโส บริษัท แอนท์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิเซส กรุ๊ป กล่าวว่า "แอนท์ ไฟแนนเชียลกำลังก้าวสู่ระดับโลก เพื่อให้บริการชาวจีนได้ดียิ่งขึ้น และเพื่อเปิดโอกาสที่เท่าเทียมกันในการรับบริการทางการเงินทั่วโลก ดังนั้น การเสาะหาพันธมิตรจึงสำคัญสำหรับการเติบโตของบริษัท และเราหวังที่จะทำงานกับบริษัทที่มีพันธกิจเหมือนเรา"
ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2558 แอนท์ ไฟแนนเชียลได้จับมือกับเพย์ทีเอ็ม กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ใหญ่อันดับสี่ของโลก เพื่อขยายโอกาสในการใช้จ่ายแบบดิจิทัลอย่างปลอดภัย ให้กับประชากรอินเดีย และ ณ ปัจจุบัน นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีของแอนท์ ไฟแนนเชียลและระบบการคุมความเสี่ยง ได้สนับสนุนให้เกิดไลฟ์สไตล์โมบายล์ ในการชำระเงินออนไลน์และออฟไลน์ การเติมเงิน การชำระค่าสาธารณูปโภค และการซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ สำหรับผู้บริโภคในอินเดียกว่า 150 ล้านคน นอกจากนี้ แอนท์ ไฟแนนเชียลยังทำงานร่วมกับพันธมิตรอีกหลายสิบรายทั่วโลก เช่น คอนคาร์ดิส (Concardis) อินเจนิโค (Ingenico) ไวร์การ์ด (Wirecard) และแซปเปอร์ (Zapper) ในยุโรป เฟิร์สดาต้า (First Data) และเวริโฟน (Verifone) ในอเมริกาเหนือ เพย์สบาย (Paysbuy) และเคาน์เตอร์เซอร์วิส (Counter Services) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รีครูต (Recruit) ในญี่ปุ่น และเคไอซีซี (KICC) และไอซีบี (ICB) ในเกาหลี
ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2557 อาลีเพย์ได้ทำงานกับผู้ค้ารายย่อยในแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวจีนชอบไป รวมไปถึงเกาหลี ฮ่องกง ไต้หวัน และมาเก๊า ในเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2558 ร้านค้ากว่า 15,000 ร้านในประเทศเหล่านั้นรับชำระเงินผ่านอาลีเพย์ ในปลายเดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2559 จำนวนร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านอาลีเพย์ได้เติบโตไปถึง 80,000 รายใน 70 ประเทศและภูมิภาค ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลอดภาษี สวนสนุก และแพลทฟอร์มออนไลน์สู่ออฟไลน์ ต่างรับชำระเงินผ่านอาลีเพย์ ประเทศและภูมิภาคเหล่านี้รวมไปถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร์ เยอรมัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน ญี่ปุ่น และเกาหลี และช่วงวันหยุดวันชาติที่จีนในปี พ.ศ. 2559 (1 ถึง 7 ตุลาคม) จำนวนธุรกรรมการใช้จ่ายผ่านอาลีเพย์ในต่างประเทศ เพิ่มขึ้นสี่เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ประเทศที่มีธุรกรรมของอาลีเพย์มากที่สุด เรียงตามลำดับคือเกาหลี ไทย ฮ่องกง ญี่ปุ่น และเยอรมัน