กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--ขสมก.
ในวันที่ 1 ตุลาคม 2544 เป็นวันก่อตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ครบรอบ 25 ปี กิจการรถเมล์รับภาระการขาดทุนมาโดยตลอด มีหนี้สินสะสมจนถึงขณะนี้ จำนวน 20,000 ล้านบาท แต่การพัฒนารูปแบบการให้บริการการจัดหารถโดยสารใหม่ ๆ มาวิ่งควบคู่ไปกับการช่วยรักษาสภาพแวดล้อมทางอากาศในเขตตัวเมือง ด้วยการนำรถโดยสารปรับอากาศที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง เข้ามาวิ่งบริการผู้โดยสาร ในปี 2536 จำนวน 82 คัน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศและมีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลเกือบครึ่งหนึ่ง วิ่งให้บริการในเส้นทางสาย ปอ. 24 (รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) จนได้ ใบรับรองคุณภาพมาตรฐานบริการ ISO 9002 ในปี 2542 จนถึงปัจจุบัน และเป็นที่น่ายินดีว่า ขณะนี้ ขสมก. โดยความสนับสนุนของ ปตท. และเงินกองทุนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาตกำลังพิจารณาจัดหาเงินประมาณ 500 ล้านบาทให้แก่ ขสมก. นำไปซื้อรถโดยสารใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงเข้ามาวิ่งบริการเพิ่มเติมอีก 100 คัน และในปี 2541 ขสมก. ได้นำรถเมล์ปรับอากาศที่ใช้เครื่องยนต์ชนิดพิเศษมีมาตรฐานสูงสุดในการลดมลพิษในอากาศ หรือ “รถยูโรทู สีส้ม” เข้ามาวิ่งบริการ เพื่อช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีก 797 คัน แม้ว่าต้นทุนราคาผลิตของรถรุ่นนี้จะสูงถึง 5 ล้านบาทต่อคัน ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเดินรถสูงถึงคนละ 15 บาท แต่เก็บค่าโดยสารเพียง 10-18 บาท ตามระยะทาง
ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2544 จนถึงเดือนกรกฎาคม 2545 รถโดยสารปรับอากาศ ยูโรทู รุ่นใหม่อีก 500 คัน ก็จะทะยอยนำออกมาวิ่งบริการผู้โดยสาร เพื่อเฉลิมฉลองการก้าวย่างสู่ปีที่ 26 ปีแห่งการ เพิ่มคุณภาพงานบริการ โดยรถปรับอากาศยูโรทูรุ่นแรก 60 คัน จะถูกนำเข้าสู่เส้นทางบริการตั้งแต่ วันที่ 15 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน ขสมก. ก็ได้ทำแผนปรับปรุงคุณภาพงานบริการรถเมล์ตามมาตรฐาน ISO 9002 : 2000 ควบคู่ไปพร้อมกันด้วย รวม 26 เส้นทาง และมีโครงการเข้าสู่มาตรฐานคุณภาพบริการดังกล่าวครบหมดทุกเส้นทาง 100 กว่าสาย ภายในปี 2549 นอกจากนี้ ขสมก. กำลังเตรียมออกตั๋วล่วงหน้าราคาถูกเป็นตั๋ววัน ตั๋วสัปดาห์ ตั๋วเดือน ตั๋วปี จำหน่ายแก่ผู้โดยสารภายในสิ้นปีนี้ด้วย ส่วนราคาค่าโดยสารรถเมล์ธรรมดายังคงไว้ที่ 3.50 บาทต่อไป--จบ--
-สส-