กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนสิ้นสุด 30 กันยายน 2544 ของบริษัทจดทะเบียน ปรากฏว่ามีบริษัทที่มีกำไรถึงร้อยละ 73 จากบริษัทจดทะเบียนที่ส่งงบการเงินมายังตลาดหลักทรัพย์แล้วจำนวน 352 บริษัท (ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2544) โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 161,866 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิรวม 11,856 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นถึงร้อยละ 1,465 หรือ 14.65 เท่า
"สำหรับบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมและบริการ (ไม่รวมสถาบันการเงินและบริษัทที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูการดำเนินงานหรือกลุ่ม REHABCO) จำนวน 286 บริษัท มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นถึงร้อยละ 172 โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 72,000 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลกำไรเพียง 26,430 ล้านบาท โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มพลังงาน กลุ่มสื่อสาร กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มธุรกิจการเกษตร ทั้งนี้การที่บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีผล การดำเนินงานดีขึ้น เป็นผลมาจากการมียอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยโดยทั่วไปลดลง รวมทั้งการที่บริษัทจดทะเบียนมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลงด้วย" นายกิตติรัตน์กล่าว
นายกิตติรัตน์กล่าวต่อว่า "สถาบันการเงินในตลาดหลักทรัพย์มีผลประกอบการที่ดีขึ้น เนื่องมาจากในปีนี้ ธนาคาร ศรีนคร จำกัด (มหาชน) (BMB) และ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) มีรายการพิเศษจากการโอนกลับรายการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเป็นรายได้ภายใต้โครงการสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ( NPLs) ให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (TAMC) จำนวนรวม 99,268 ล้านบาท โดยงวด 9 เดือน ธนาคารพาณิชย์ทั้ง 13 แห่ง และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีกำไรสุทธิรวม 86,547 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 2,002 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 4,423 หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นถึง 4.42 เท่า สำหรับธุรกิจเงินทุนหลักทรัพย์ 16 บริษัทนั้น มีบริษัทที่มีกำไร 11 บริษัท โดยมีกำไรสุทธิรวม 1,890 ล้านบาท ในขณะที่ 5 บริษัทประสบกับภาวะขาดทุน เนื่องจากธุรกิจเงินทุนมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างมาก"
สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูการดำเนินงานหรือกลุ่ม REHABCO นั้นปรากฏว่ามีบริษัทที่นำส่งงบการเงินแล้วจำนวน 32 บริษัท จากทั้งหมด 52 บริษัท โดยบริษัทที่มีผลกำไรสุทธิมีจำนวน 13 บริษัท มีกำไรสุทธิรวม 887 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 102 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
"ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้นั้น มีความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างหนี้ถึงร้อยละ 75 โดยมีบริษัทรายงานความคืบหน้ามาทั้งสิ้น 148 บริษัท มูลค่าหนี้ที่ปรับโครงสร้างเรียบร้อยแล้วมีจำนวน 920,344 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 75 ของมูลค่าหนี้ทั้งหมด โดยวิธีการปรับโครงสร้างหนี้ส่วนใหญ่เป็นการขยายอายุหนี้ร้อยละ 54 แปลงหนี้เป็นทุน/หุ้นกู้ร้อยละ 14 ลดเงินต้นและดอกเบี้ยร้อยละ 9 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 23 เป็นการโอนขายทรัพย์สิน เพิ่มทุนและอื่น ๆ "กรรมการและผู้จัดการกล่าวสรุป
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร :ลดาวัลย์ ไทยธัญญพานิช โทร.0-2229-2036 / กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229-2037 / จิวัสสา ติปยานนท์ โทร.0-2229-2039(ยังมีต่อ)
-อน-