กรุงเทพฯ--7 พ.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในไทยและขยายตลาดต่างประเทศ
'บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้' ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 75 ล้านหุ้น หลังบริษัทได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นต่อประชาชน คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในปีนี้ ด้านผู้บริหาร ชูจุดแข็งเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกด้วยกำลังการผลิตติดตั้ง 1,959 ล้านชิ้นต่อปี พร้อมวางเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดถุงยางอนามัยแบรนด์ 'Onetouch' ในไทย และรุกขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศใหม่ในทวีปต่าง ๆ
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า หลังจาก บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 75 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดย บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำนวน 37.50 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ อีกจำนวน 37.50 ล้านหุ้น รวมคิดเป็นร้อยละ 25 ของหุ้นสามัญจดทะเบียนของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุญาตให้ บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้สามารถเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบัน บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้วทั้งสิ้น 262.50 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้นใหม่อีก 37.50 ล้านหุ้น รวมถึงเสนอขายหุ้นสามัญเดิมโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ อีก 37.50 ล้านหุ้น ซึ่งภายหลังที่ ก.ล.ต. ได้อนุมัติให้เสนอขายหุ้น IPO และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์มีผลใช้บังคับแล้วนั้น จะกำหนดวันเสนอขายหุ้น IPO ให้แก่ประชาชนและคาดว่าจะนำ บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในปีนี้ เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมในครั้งนี้ไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการต่อไป
บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ เป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยมีธุรกิจแบ่งออกเป็น 1. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นภายใต้เครื่องหมายการค้า 'Onetouch' ซึ่งทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2. ธุรกิจรับจ้างผลิตถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น (OEM) ให้แก่บริษัทเอกชนและองค์กรเอกชนทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งบริษัทได้ทำสัญญารับจ้างผลิตถุงยางอนามัยให้กับลูกค้า United Medical Devices ภายใต้เครื่องหมายการค้า PLAYBOY ทั่วโลก และ 3.ธุรกิจงานประมูล โดยเข้าร่วมประมูลงานผลิตถุงยางอนามัยกับองค์กรภาครัฐและองค์กรเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำไปจำหน่ายและแจกจ่ายตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก
ด้านนายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ กล่าวว่า บริษัทฯ มีศักยภาพความพร้อมด้านการผลิตถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติ มีกำลังการผลิตติดตั้ง 1,959 ล้านชิ้นต่อปี จากฐานการผลิตของโรงงาน 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง มีกำลังการผลิตติดตั้ง 426 ล้านชิ้น และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี มีกำลังการผลิตอีก 1,533 ล้านชิ้น เพื่อรองรับแผนดำเนินงานทางธุรกิจ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ การผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยภายใต้เครื่องหมายการค้า Onetouchที่จำหน่ายผ่านผู้จัดจำหน่ายและตัวแทนจำหน่ายเพื่อกระจายสินค้าไปยังช่องทางต่าง ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น กลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม) ประเทศอียิปต์ เป็นต้น
กลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น โดยบริษัทฯ เป็นผู้รับจ้างผลิตให้แก่บริษัทเอกชนและองค์กรเอกชน (NGOs) ทั้งในและต่างประเทศกว่า 100 ประเทศ ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป แอฟริกา อเมริกา ออสเตรเลียและแถบตะวันออกกลาง รวมถึงยังเป็นผู้รับจ้างผลิตถุงยางอนามัยให้กับ United Medical Devices ภายใต้เครื่องหมายการค้า PLAYBOY ทั่วโลกและเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และกลุ่มธุรกิจงานประมูล (Tender) ที่บริษัทฯ ได้เข้าร่วมการประมูลงานจากองค์กรภาครัฐและองค์กรเอกชน (NGOs) ทั้งในไทยและต่างประเทศ เนื่องจากมีกำลังการผลิตที่เพียงพอและมาตรฐานการผลิตที่มีคุณภาพสูง สามารถตอบรับหลักเกณฑ์ของธุรกิจการประมูลได้ ซึ่งออเดอร์ในส่วนนี้จะเข้ามาเติมเต็มการใช้กำลังการผลิตและต้นทุนการผลิตสินค้าต่อหน่วยที่ดีขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNR กล่าวว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายแผนดำเนินงานที่ต้องการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์Onetouch ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 35% ของตลาดรวมภายในปี 2563 จากเดิมมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 20.6% ของมูลค่าตลาดรวมถุงยางอนามัยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังจะเร่งขยายตลาดไปสู่ประเทศใหม่ ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในทวีปเอเชียและแอฟริกา ที่ยังมีความต้องการใช้สินค้าและโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก
"เราถือเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งมากที่สุดของไทยและเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก โดยเราผลิตถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์ประเภทเจลหล่อลื่น เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงต้องการขยายตลาดถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์ Onetouch ไปยังประเทศใหม่ ๆ ในทวีปต่าง ๆ และขยายฐานลูกค้าในการรับจ้างผลิตถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นเพิ่มเติม นอกจากนี้ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้เปิดตัวถุงยางอนามัยวันทัช ซีโร่ ซีโร่ ทรี (Onetouch 003) ซึ่งเป็นถุงยางอนามัยผิวเรียบ แบบบาง 0.03-0.038 มิลลิเมตร ซึ่งมีความบางที่สุดเท่าที่บริษัทฯ เคยผลิต เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักอายุ 18-45 ปี ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไปและชื่นชอบถุงยางอนามัยที่บางพิเศษในราคาที่คุ้มค่า" นายอมร กล่าว