กรุงเทพฯ--8 พ.ย.--คิธ แอนด์ คิน คอมมิวนิเคชั่น
นางชวินดา หาญรัตนกู กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 100 (KTFF100) ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 อายุ 1 ปี เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทเงินฝากประจำ Emirates NBD PJSC ประมาณอัตราผลตอบแทนของตราสาร (ต่อปี) 2.10% , Commercial Bank of Qatar Q.S.C ประมาณอัตราผลตอบแทนของตราสาร (ต่อปี) 1.90% , Abu Dhabi Commercial Bank ประมาณอัตราผลตอบแทนของตราสาร(ต่อปี ) 1.95% , Ahli Bank QSC ประมาณอัตราผลตอบแทนของตราสาร (ต่อปี) 2.20 % และ First Gulf Bank PJSC ประมาณอัตราผลตอบแทนของตราสาร (ต่อปี) 1.90 % ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 20 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนมีค่าใช้จ่ายของกองทุน (ต่อปี) 0.21 % ประมาณผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน 1.80 % ต่อปี กองทุนมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นอกจากนี้ ยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ ( Roll Over ) ของกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6 เดือน 2 (KTSIV6M2 ) เสนอขายถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภทธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ประมาณอัตราผลตอบแทนของตราสาร (ต่อปี) 1.50 % , บริษัทราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ประมาณอัตราผลตอบแทนของตราสาร (ต่อปี) 1.65% บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประมาณอัตราผลตอบแทนของตราสาร (ต่อปี) 1.60% บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประมาณอัตราผลตอบแทนของตราสาร (ต่อปี) 1.60% และบริษัทเอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ประมาณอัตราผลตอบแทนของตราสาร (ต่อปี ) 1.90% ในสัดส่วนการลงทุนแต่ละรายการ 20 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนมีค่าใช้จ่ายของกองทุน (ต่อปี) 0.30 % ประมาณผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน 1.35 % ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาหรือบลจ.กรุงไทย
แนวโน้มอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศ มีการปรับตัวลดลงเกือบทุกช่วงอายุ ยกเว้นรุ่น
อายุมากกว่า 10 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากแรงซื้อที่ของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หลังจากตลาดกังวลกับความไม่แน่นอนในการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้สหรัฐฯ รุ่นอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงถึง 7 bps สำหรับอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ไทยรุ่นระยะยาวที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้นเป็นผลมาจากผลการประมูลพันธบัตรภาครัฐรุ่นอายุ 20 ปี (LB366A) ที่ออกมาไม่ดีนัก โดยนักลงทุนได้เข้าประมูลเพียง 0.79 เท่าของปริมาณที่ออกทั้งหมด 12,000 ล้านบาท
ในสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติมียอดยอดซื้อสุทธิจำนวน 13,874 ล้านบาท โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 2 bps.มาอยู่ที่ 1.59% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 3 bps. มาอยู่ที่ 1.86% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 2 bps.มาอยู่ที่ 2.15% ต่อปี
อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปรับตัวลดลงเกือบทุกช่วงอายุตามความกังวลกับความไม่แน่นอนในการเลือกตั้งสหรัฐ โดยเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25-0.50% ตามคาดในการประชุม FOMC โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 6 bps. มาอยู่ที่ 0.80% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 9 bps. มาอยู่ที่ 1.24% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 7 bps.มาอยู่ที่ 1.79% ต่อปี
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในประเทศ จะเป็นความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนตุลาคม แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของFed ทิศทางของการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ และผบลกระทบของ Brexit ต่อ EU และสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ
" ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ทั้งนี้ หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่โฆษณาไว้"