กรุงเทพฯ--1 ก.พ.--ปูนซีเมนต์ไทย
นายชุมพล ณ ลำเลียง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2543 งบการเงินก่อนตรวจสอบของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 128,197 ล้านบาท เทียบกับปีก่อน จำนวน 101,851 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26,346 ล้านบาท หรือร้อยละ 26 โดยยอดขายรวม ในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 และยอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 ยอดขายรวม ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจปิโตรเคมีและกระดาษ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในปี 2543 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายพิเศษคือ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ค่าใช้จ่าย จากการปรับโครงสร้างธุรกิจ ซึ่งเกิดจากการขายเงินลงทุนในกิจการต่างๆ และค่าใช้จ่าย โครงการเกษียณอายุ ก่อนกำหนด ทำให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิเพียง 41 ล้านบาท ซึ่งก่อน รายการเหล่านี้ บริษัทฯ จะมีกำไรจากการดำเนินงานเป็น 4,848 ล้านบาท
สินทรัพย์รวมก่อนสอบทานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ 31 ธันวาคม 2543 มีจำนวน 260,468 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2542 จำนวน 266,348 ล้านบาท สำหรับการปรับโครงสร้างธุรกิจของเครือซิเมนต์ไทย มีความคืบหน้าดังนี้
ขายหุ้นในบริษัทสยามคอมเพรสเซอร์อุตสาหกรรม (ร้อยละ 49) และบริษัทมิตซูบิชิ คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ ประเทศไทย (ร้อยละ 20) ให้กับบริษัทมิตซูบิชิ อิเลคทริค คอร์ปอเรชั่น คิดเป็นมูลค่า รวมประมาณ 3,700 ล้านบาท ขณะเดียวกันเครือซิเมนต์ไทย จะรับซื้อหุ้น บริษัทไทยซีอาร์ที จำกัด ร้อยละ 26 มูลค่า 700 ล้านบาท จากบริษัทมิตซูบิชิ อิเลคทริค คอร์ปอเรชั่น และบริษัทมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสแรกของปี2544 ซึ่งผลจากการดำเนินการดังกล่าว จะทำให้เครือซิเมนต์ไทย มีกำไรประมาณ 850 ล้านบาท ขายสินทรัพย์บริษัทนวโลหะบางปะกง จำกัด ซึ่งปัจจุบันบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 100 มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ให้แก่บริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่ ที่เครือซิเมนต์ไทย ร่วมทุนกับบริษัท Aisin Takaoka (AT) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มโตโยต้า โดยมีสัดส่วน การถือหุ้นร้อยละ 30 และ 70 ตามลำดับ ซึ่งผลจากการดำเนินการนี้เครือฯ จะขาดทุนประมาณ 250 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้สำรองผลขาดทุนไว้ในงบกำไรขาดทุนประจำปี 2543 แล้ว--จบ--
-สส-