กรุงเทพฯ--9 พ.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
'บมจ.ทีพีบีไอ' หรือ TPBI โชว์ไตรมาส 3/59 กำไรพุ่ง 10.88% รับช่วงไฮซีซั่นหลังคู่ค้าสั่งสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับการอุปโภคและบริโภค, ผลิตภัณฑ์ถุงขยะ, สินค้าอื่น ๆ เช่น เม็ดพลาสติกคอมพาวด์ พุ่งเพื่อรองรับความต้องการใช้ช่วงเทศกาลปลายปี ดันผลการดำเนินงาน 9 เดือนเติบโตแข็งแกร่ง ด้านผู้บริหารเดินหน้าเร่งสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ High Value Added ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน ฟิล์มลามิเนตและฟิล์มแบริเออร์ รับความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสด แช่แข็งและอาหารสำเร็จรูป หวังสิ้นปีดันสัดส่วนการขายอยู่ที่ 20% ของยอดขายรวมทั้งปี
นายกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ TPBI ผู้นำอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ครบวงจรระดับโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคม ที่มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 (กรกฎาคม-กันยายน 2559) บริษัทฯ สามารถผลักดันการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิ 101.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 91.68 ล้านบาท และมีรายได้รวมทำได้ 1,301.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.91% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,240.76 ล้านบาท
สำหรับการเติบโตของไตรมาส 3/59 ดังกล่าว มาจากปัจจัยการขยายตัวของ บรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับการอุปโภคและบริโภค, ผลิตภัณฑ์ถุงขยะ, สินค้าอื่นๆเช่น เม็ดพลาสติกคอมพาวด์ เนื่องจากคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ มีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของ TPBI ในรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กันยายน 2559) มีรายได้รวม 3,640.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.20% เทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,427.99 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 292.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.70% เทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา
"ไตรมาส 3 กลุ่ม บรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับการอุปโภคและบริโภค, ผลิตภัณฑ์ถุงขยะ, สินค้าอื่นๆเช่น เม็ดพลาสติกคอมพาวด์ เติบโตได้อย่างโดดเด่น จากยอดคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นมาก โดยเรามีความพร้อมด้านกำลังการผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้สามารถรองรับโอกาสการขายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยผลักดันการเติบโตของเราได้" นายกมล กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน TPBI กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 คาดว่ายังขยายตัวได้ต่อเนื่อง เนื่องจากแผนดำเนินงานปีนี้มีเป้าหมายต้องการขยายพอร์ตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม หรือ High Value Added ได้แก่ กลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับการอุปโภคและบริโภค และกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟิล์มลามิเนตและฟิล์มแบริเออร์ เหมาะสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคประเภทอาหารสดและอาหารสำเร็จรูป รองรับความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมอาหารที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถทำสัดส่วนการขายสินค้า High Value Added ให้ได้ 20% ภายในปีนี้