กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) แจ้งไตรมาส 3/59 โชว์ยอดขายถ่านหิน 0.66 ล้านตัน ส่งผลรายได้รวมแตะ 1,134.19ล้านบาท ลดลง 6.8% ขณะที่กำไรสุทธิ 17.46 ล้านบาท สำหรับงวด 9 เดือนแรกกวาดยอดขายถ่านหิน 1.65 ล้านตันตามเป้า และจากการฟื้นตัวของราคาถ่านหินจะทำให้ ออเดอร์จากต่างประเทศทยอยเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4/59 ส่งผลให้ยอดขายถ่านหินเติบโตตามเป้าที่วางไว้ของปีนี้ ด้านผู้บริหาร " พนม ควรสถาพร " กรรมการผู้จัดการ เผยการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาถ่านหินคาดเป็นสัญญาณเชิงบวกกับธุรกิจ และเชื่อว่าราคาถ่านหินได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ลุยส่งออกต่างประเทศเพิ่มขึ้น หนุนปริมาณการขายถ่านหินเข้าเป้า เติบโตประมาณ 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด(มหาชน) หรือ AGE ผู้นำเข้าและจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2559 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 ว่า บริษัทมีรายได้ 1,134.19 ล้านบาท ลดลง 6.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัท มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,216.39 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 17.46 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 72.9 ล้านบาท
ขณะที่ ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2559 ของบริษัทมีรายได้รวม 3,134.30 ล้านบาท ลดลง 11.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัท มีรายได้รวม อยู่ที่ 3,557.78 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 60.71 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 107.44 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน อยู่ที่ 73.27 ล้านบาท ถ้ามีการหักกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนออก จะทำให้เห็นว่าผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดย ปรับตัวสูงขึ้น 87.46% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีปริมาณการจำหน่ายถ่านหินรวมอยู่ที่ระดับ 1.65 ล้านตัน จากทั้งปีที่คาดว่าจะมีปริมาณการจำหน่ายถ่านหินเติบโตที่ 10%
บริษัทยังคงมุ่งเน้นนโยบายบริหารต้นทุนการขนส่ง และ คลังสินค้า รวมทั้ง ประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม
"ในช่วงไตรมาส 3/2559 ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจถ่านหินอีกครั้ง จากก่อนนี้ประสบปัญหาในเรื่องของปริมาณถ่านหินล้นตลาด ทำให้ราคาตกต่ำ และเชื่อว่าราคาถ่านหินได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว บริษัทจึงเดินหน้าทำการตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพราะถ่านหินยังคงมีความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง" นายพนม กล่าว
พร้อมกันนี้ บริษัทเชื่อว่า ปริมาณยอดขายถ่านหินของบริษัทในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ระดับ 2.2 ล้านตัน ซึ่งจะมีการสั่งออเดอร์จากประเทศจีน และเวียดนาม เพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ เพื่อนำไปใช้เพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้าที่เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว
บริษัทยังคงเน้นการดำเนินธุรกิจหลัก คือการจำหน่ายถ่านหินสะอาด โดยจะมีการทำการตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น ควบคู่กับการขยายตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน และเวียดนาม และคาดว่าปลายปีนี้จะได้ข้อสรุปกับพันธมิตรในประเทศเวียดนาม เพื่อรุกทำการตลาดเพิ่มมากขึ้น