กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
เครก โทมัส แกลเลอรี่ ยินดีนำเสนอการแสดงนิทรรศการเดี่ยวภาพวาดสีน้ำมัน แฟมิเลีย สกาย โดยศิลปินชาวฮานอย แกว๊ก บั๊ก โดยงานเปิดการแสดงชุดภาพ แฟมิเลีย สกาย นี้ จะจัดขึ้นที่ เครก โทมัส แกลเลอรี ถนน จัน หยัด หย่วด เริ่มวันแรกในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 เวลา 18.00-21.00 น.
แกว๊ก บั๊ก คือ ศิลปินทัศนศิลป์รุ่นเยาว์มากพรสวรรค์ ที่มีมุมมองที่ตรงข้ามกับอายุ (เกิดในพ.ศ. 2531) เขาได้ถ่ายทอดมุมมองที่เฉียบแหลมอย่างผู้ใหญ่ของเขาสู่ผลงานได้อย่างน่าทึ่ง ด้านล่างเป็นบทสนทนาที่เราได้สัมภาษณ์ บั๊ก เกี่ยวกับการเตรียมการแสดงผลงาน แฟมิเลีย สกาย ที่กำลังจะจัดขึ้น ทั้งในแง่ผลงานที่จะจัดแสดง แรงบันดาลใจของการสร้างสรรค์ และความคิดสร้างสรรค์ที่ส่งอิทธิพลในผลงานชุดนี้
คุณได้แรงบันดาลใจจากที่ใดในการทำงานผลงานชุดนี้?
"ผมได้แรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ เรื่องราวของอดีต ชะตาชีวิตของมนุษย์ ความรัก ความเมตตา ประเด็นเหล่านี้คือแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจที่ไม่มีที่สุดของเหล่าศิลปิน หลายๆ ครั้ง แรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นอย่างบังเอิญจากการได้เยือนสถานที่ที่ธรรมดาและเรียบง่าย ผมได้โอบอุ้มเอาแรงบันดาลใจทั้งหมดและพินิจพิเคราะห์อย่างรอบด้าน บรรเจิดออกมาเป็นภาพวาดที่เหนือกว่าความจริงที่ผมเห็น"
มีที่มาที่ไปอย่างไรสำหรับชื่อคอลเลกชัน "เบา เจ่ย แด๊ง เตี๋ยง" หรือ แฟมิเลีย สกาย นี้?
"เบา เจ่ย แด๊ง เตี๋ยง" หรือ แฟมิเลีย สกาย เป็นชื่อคอลเลกชันภาพวาดที่ผมพรรณนาจากภาพเป็นฉากๆ เมื่อเราแหงนหน้ามองท้องฟ้า พื้นที่ที่เราคุ้นเคย และอธิบายรวมถึงพื้นที่ของชีวิต คือสถานที่ที่เราอาศัยอยู่ อย่างเป็นนัย "เบา เจ่ย แด๊ง เตี๋ยง" หรือ แฟมิเลีย สกาย สะท้อนทัศนคติส่วนตัวของผมและมุมมองเกี่ยวกับชีวิตและสังคมที่ผมอาศัยอยู่ คนสวมใส่เสื้อผ้าที่คล้ายกัน ต่อแถวเข้าคิว ถ่ายภาพ และทำสิ่งอื่น ๆ ที่ส่งผลแค่การคัดลอกมุมมองที่คล้ายกันและอุดมการณ์รอบตัวพวกเขา ทั้งหมดจะถูกหล่อหลอมโดยบริบทและการให้คุณค่าที่ยึดถือร่วมกันทางสังคมของพวกเขา จนความเป็นปัจเจกของแต่ละบุคคลได้เลือนหายไป ทั้งแง่มุมที่ทั้งแปลกและไม่มีเหตุผล
"ภาพวาดยังใช้เป็นสื่อในการเตือนใจเกี่ยวกับผลกระทบที่กัดกร่อนของชีวิตคนเมืองร่วมสมัย เราได้รับแรงกดดันเป็นอย่างมาก เพื่อให้เรากลายเป็นคนที่ต้องดำเนินตามขนบ และอยู่ในสภาพที่ไร้ตัวตนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้รถประเภทเดียวกัน กินอาหารจานด่วนเหมือนๆ กัน สวมใส่เสื้อผ้าสำเร็จรูป มันเป็นการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่คุณค่าแห่งปัจเจกนั้นถูกกลืนไปในมาตรฐานสังคม อย่างแปลกประหลาดและไร้เหตุผล ในที่สุดสิ่งเหล่านี้ก็ถ่ายทอดออกมาเป็นคอลเลกชัน ที่รวมเอาเรื่องราวในชุมชน แบ่งปันสู่สายตาชาวโลกได้สองมุม คือ ใสไร้เดียงสาและมาดร้าย"
ทำไมคุณถึงเลือกมาเป็นศิลปิน?
"ที่จริงผมไม่แน่ใจว่าผมเป็นศิลปินจริงหรือเปล่า เพราะผมเชื่อว่ามันมีอาชีพที่หลากหลายอื่นๆ ที่มีความสำคัญมากกว่า ผมได้วิเคราะห์อยู่เสมอๆ เมื่อมีใครคนหนึ่งกลายเป็นที่รู้จักในสังคม แม้ว่าการได้รับการยอมรับนั้นจะคู่ควรหรือไม่ สำหรับตัวผมเอง ผมกลายเป็นศิลปินที่ขัดกับข้อสงสัยอันฝืนความรู้สึก ว่าผมไม่สามารถวาดรูปได้"
ช่วยเล่าเกี่ยวกับขั้นตอนการสร้างสรรค์ของคุณได้ไหม?
"เมื่อมีบางสิ่งผุดขึ้นมาในหัว ผมใช้เวลาอยู่กับมันค่อนข้างนาน จนประมวลเห็นเป็นภาพออกมาชัดมากพอที่จะวาดมันขึ้นมาได้ มากกว่านั้นคือการเลือกวัสดุที่เหมาะสมสำหรับใช้วาดสื่อสาร รวมถึงการค้นคว้าหาทางออกที่น่าจะเป็นไปได้และสร้างให้มันเกิดขึ้น"
ภาพวาดหลายภาพของคุณมักแสดงออกลักษณะของคนภายใต้ความกดดัน เหินห่าง และโดดเดี่ยว คุณช่วยอธิบายเพิ่มเติมในจุดนี้ และอะไรที่คุณต้องการที่จะสื่อจริงๆ?
"ชีวิตมนุษย์นั้นเดินทางผ่านรูปแบบต่างๆ ของอารมณ์ในระดับที่หลากหลาย และความโดดเดี่ยว คือ ความรู้สึกที่รุนแรงที่สุด วิถีชีวิตคนเมืองร่วมสมัยตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต ในขณะเดียวกันก็จำกัดโชคชะตาของเขาเหล่านั้น โดยผลักให้พวกเขาไปอยู่ในพื้นที่ๆ ที่แปลกแยก รวมทั้งจำกัดความสามารถของเขาในการปรับตัวเข้ากับสังคม
ภาพวาดหลายภาพของคุณอย่างเช่น ซัฟเฟอร์ริ่ง ซีส์ (Suffering Seas) เกี่ยวข้องกับประเด็นภาวะโลกร้อน และการเสื่อมสภาพของระบบนิเวศบนโลกใช่หรือไม่? ทำไมประเด็นนี้จึงเป็นสำคัญสำหรับการทำงานของคุณ?
"ผมไม่ต้องการโฟกัสอะไรเป็นพิเศษ แม้กระทั่งการหาบทสรุปในผลงานของผม ซึ่งมันจะไม่เป็นการปิดกั้นและยังเปิดจินตนาการของผู้ชมได้อย่างหลากหลาย บางคนอาจมองภาพวาดของผมว่าเป็นเรื่องของปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ในขณะที่อีกคนอาจมองเป็นเรื่องของความรักและความเศร้า ผมว่างานศิลปะแต่ละชิ้นจะจบด้วยสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสมอ และมันมักจะแตกต่างไปจากสิ่งที่ศิลปินตั้งใจไว้เมื่อตอนเริ่มทำงาน ผมชอบให้ผลงานของผมสร้างความตระหนักอย่างใดอย่างหนึ่งหรือสร้างคำถามให้กับสาธารณะ ผมจึงตั้งใจที่จะสร้าง ความหมายอย่างหลาย ดังนั้นผมมักจะใช้สิ่งที่ผิดปกติ ความขัดแย้ง และอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดา นั่นคือวิถีของงานผม มันสามารถบอกเล่าอะไรได้หลากหลายมากกว่าเรื่องของความเป็นจริงเพียงอย่างเดียว"
เราคิดว่า ภาพ "เฟมัส สกาย 1" (Famous Sky 1) อาจเป็นภาพที่เราชื่นชอบที่สุดในคอลเลกชันนี้? มันดูเหมือนจะมีกลิ่นอายของ ซาลวาดอร์ ดาลี อยู่ด้วย คุณช่วยเล่าที่มาที่ไปของภาพนี้ได้ไหม?
"ถ้าพูดถึงเรื่องของอิทธิพล ภาพวาดของผมเผยถึงความลึกลับและแสงสว่าง เหมือนจิตวิญญาณในภาพของ มากริตต์ ศิลปินเซอเรียลลิสต์ ผู้ที่ผมให้ความชื่นชมเป็นอย่างมาก"
คุณช่วยเล่าถึงถึงความเข้ากันในองค์รวมของคอลเลกชันนี้ และคุณใช้เวลาสร้างผลงานชุดนี้นานแค่ไหน?
"มันเป็นผลงานที่ผมสร้างขึ้นช่วงปี พ.ศ. 2556 – พ.ศ. 2559 มันเปิดชีวประวัติของหนุ่มโสด มันเต็มไปด้วยภาพลักษณ์ส่วนตัว แต่ยังพรรณาให้เห็นถึงประสบการณ์ด้านการเมืองและสังคม สิ่งที่มีเหตุผลและไม่มีเหตุผล โลกภายนอกที่โอบล้อมบุคคลและรวมถึงชีวิตภายในจิตใจของคนนั้นด้วย ผู้ชมจะสามารถชมหลายพันเรื่องตามความคิดของแต่ละบุคคล และที่ไหนสักแห่งเราก็จะได้ประจักษ์ถึงสัจธรรม ทั้งความหลอกลวงและความจริง"
แกว๊ก บั๊ก พำนักและทำงานในฮานอย การแสดงผลงานครั้งนี้คือนิทรรศการผลงานเดี่ยวครั้งแรกของเขากับ เครก โทมัส แกลเลอรี
วันเปิดงาน ศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2559 เวลา 18.00–21.00 น.
วันจัดแสดงผลงาน 11–28 พฤศจิกายน 2559
สถานที่จัดแสดงผลงาน เครก โทมัส แกลเลอรี – 0903888431
27i ถนน จัน หยัด หย่วด
ตัน ดินห์ หวั่ด เขต 1
โฮจิมินห์ซิตี้
ติดต่อ อีเมลล์: cthomasgallery@gmail.com
เว็บไซท์ : www.cthomasgallery.com