กรุงเทพฯ--11 พ.ย.--ซีเค พาวเวอร์
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKP) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3 ของปี 2559 ว่า บริษัทมีผลกำไรสุทธิรวม 337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 286 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นร้อยละ 561 โดยเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท 122 ล้านบาท รายได้รวม 1,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ19 ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำ 1,792 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 308 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21 เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 ขายไฟได้เพิ่มขึ้นถึง 406 ล้านบาท หรือ 238 ล้านหน่วย จากงวดเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากค่าบริหารโครงการ 16 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ อีกส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม บริษัทมีค่าใช้จ่ายที่ยังไม่รวมดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคลรวม 1,181 ล้านบาท ลดลง 17 ล้านบาทจากงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะต้นทุนขายไฟฟ้าและไอน้ำลดลง
สำหรับผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือน บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 556 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 115 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26 โดยเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท 232 ล้านบาท รายได้รวม 4,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1ทั้งนี้ รายได้มาจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำ 4,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีรายได้ค่าบริหารโครงการจำนวน 46 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายไม่รวมดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคลรวม 3,539 ล้านบาท ลดลง 77 ล้านบาท เพราะต้นทุนขายไฟฟ้าและไอน้ำลดลง
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานตลอด 9 เดือนของปีนี้ของบริษัท ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก โดยเฉพาะผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนในบริษัทย่อย เริ่มสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่บริษัทแล้ว โดยในไตรมาส 3 ของปีนี้ CKP มีเงินปันผลรับรวม 1,080 ล้านบาท จากบริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด (SEAN) บริษัทบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด (BIC) บริษัท เชียงราย โซล่าร์ จำกัด (CRS) และบริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด (NRS) นอกจากนี้ การที่โครงการโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ซึ่งบริษัทลงทุนโดยถือหุ้นผ่าน SEAN ประสบความสำเร็จในการรีไฟแนนซ์เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำให้ SEAN สามารถประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในปีนี้ได้สูงกว่าปีที่ผ่านๆ มา รวมทั้งบริษัทยังได้รับเงินปันผลจาก NRS อีกด้วย ซึ่งหากโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผน รวมทั้งการได้เข้าลงทุนในโครงการใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ ผลตอบแทนที่บริษัทและผู้ถือหุ้นจะได้รับจะเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน
อนึ่ง CKP ดำเนินธุรกิจในลักษณะ Holding Company และลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่างๆ 3 ประเภท ได้แก่ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำ โครงการไฟฟ้าโคเจน
เนอเรชั่นที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง และโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ โดยมีบริษัทย่อยและบริษัทร่วมประกอบด้วย บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด (SEAN) ถือหุ้น 56% บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ถือหุ้น 30% ทั้งนี้ XPCL ตั้งอยู่ในสปป.ลาว ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า 1,285 เมกกะวัตต์ อยู่ระหว่างการก่อสร้างและแล้วเสร็จไปแล้ว 70% บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด (BIC) ถือหุ้นอยู่ 65% บริษัท บางเขนชัย จำกัด (BKC) ถือหุ้น 100% บริษัท เชียงราย โซล่าร์ จำกัด (CRS) ถือหุ้น 30% และ บริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด (NRS) ถือหุ้น 30%