กรุงเทพฯ--11 พ.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
JWD ผู้นำธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร แจงผลประกอบการไตรมาส 3/59 มีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากธุรกิจคลังสินค้าอันตรายและธุรกิจสินค้ายานยนต์ ในขณะที่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ทั้งนี้ มีการบันทึกประมาณการหนี้สินของคดีความที่อยู่ระหว่างการยื่นศาลฎีกาตัดสิน และการเรียกเก็บส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมย้อนหลังจากการดำเนินธุรกิจคลังสินค้าอันตรายที่ท่าเรือแหลมฉบัง ที่บันทึกเพียงครั้งเดียวในไตรมาส 3/59 ด้านผู้บริหาร JWD มั่นใจธุรกิจยังเติบโตได้ดีและแข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และสนับสนุนการเติบโตที่ดีในปี 60 ได้ตามแผน
ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 (กรกฎาคม - กันยายน 2559) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 568.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ที่มีรายได้ 561.5 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิก่อนหักประมาณการหนี้สินจำนวน 24.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ที่มีกำไรสุทธิ 7.7 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่มีการเติบโตและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3/59 บริษัทฯ ได้พิจารณาอย่างรอบคอบและตัดสินใจตั้งค่าประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจำนวน 2 รายการ ได้แก่ 1. การตั้งประมาณการหนี้สินจากคดีความ หลังศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ปรับเปลี่ยนวิธีการคิดดอกเบี้ย ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องชำระค่าดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น โดยอยู่ระหว่างการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อขอพิจาณาคดีต่อไป และ 2. การตั้งประมาณการหนี้สินจากการเรียกเก็บส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมย้อนหลัง ระหว่างปี 2553-2558 จากการดำเนินธุรกิจคลังสินค้าอันตรายที่ท่าเรือแหลมฉบัง แม้ว่าขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ แต่บริษัทฯ ตัดสินใจบันทึกค่าใช้จ่ายอยู่ในไตรมาส 3/59 ทั้งหมด โดยเป็นการบันทึกเพียงครั้งเดียวซึ่งเป็นการยึดหลักการบริหารงานที่มีความโปร่งใสและหลักธรรมาภิบาลที่ดี ส่งผลให้ตัวเลขกำไรสุทธิในไตรมาสดังกล่าว มีผลการดำเนินการขาดทุนสุทธิ 105.1 ล้านบาท จากเดิมที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 24.4 ล้านบาท ทั้งนี้การเรียกเก็บส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมย้อนหลังจากการดำเนินธุรกิจคลังสินค้าอันตรายภายในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินธุรกิจคลังสินค้าอันตรายที่ JWD เป็นผู้ให้บริการแต่เพียงรายเดียว ภายใต้การดำเนินงานที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน JWD กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้ภาพรวม 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม – กันยายน 2559) บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,679.2 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 51.4 ล้านบาท โดยหากตัดค่าใช้จ่ายจากการประมาณการหนี้สินทั้ง 2 รายการ จะพบว่าบริษัทฯ ยังมีความสามารถการทำกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจได้ดี โดยในช่วง 9 เดือนแรกทำได้ 78.1 ล้านบาท
ด้านนายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจคลังสินค้าอันตราย จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณตู้คอนเทนเนอร์จัดเก็บสินค้า ที่ผ่านเข้า-ออกภายในพื้นที่รับฝากสินค้าของ JWD และโครงการศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์ (JWD Chemical Supply Chain หรือ JCS) ภายในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ที่เพิ่งเปิดดำเนินการเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการดังกล่าว โดยมีสัดส่วนการใช้พื้นที่แล้ว 40% และตั้งเป้าหมายใช้พื้นที่เต็ม 100% ภายในปี 2560 ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นปีละกว่า 30-40 ล้านบาท โดยไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ มีแผนงานขยายฐานลูกค้ากลุ่มธุรกิจให้บริการรับฝากและบริหารยานยนต์ จากเดิมที่เคยให้บริการแก่กลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ ไปสู่กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งช่วยสนับสนุนผลประกอบการให้กลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป