กรุงเทพฯ--11 พ.ย.--ธามดี พลัส
บมจ.ซีลิค คอร์พ หรือ ("SELIC") เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2559 มีการปรับตัวลดลง แต่ยังมั่นใจรายได้ปีนี้ โตตามเป้า 15-20% จากการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งรุกต่างประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ ด้วยงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสอดคล้องกับการใช้งานของลูกค้า
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาขน) หรือ ("SELIC") ผู้นำด้านกาวอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งผลิตและจัดจำหน่าย รวมทั้งวิจัยและพัฒนากาวอุตสาหกรรม (Adhesive, Specialty and High Performance Adhesive) ที่ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาส 3/2559 ว่าบริษัทมีรายได้สุทธิอยู่ที่ 420.27 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 27.96 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 447.96 ล้านบาท ลดลง 6.18% และมีกำไรสุทธิ 28.56 ล้านบาท ลดลง 2.10% เนื่องจากบริษัทได้ปรับลดสัดส่วนการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรต่ำออกไป ทำให้รายได้และกำไรสุทธิลดลง
อย่างไรก็ตาม SELIC คาดว่า ผลประกอบการปี 2559 น่าจะเป็นไปตามที่บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 15-20% โดยบริษัทมีการขยายกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการใช้กาวในปัจจุบันของลูกค้าที่มีความหลากหลายของอุตสาหกรรมและขยายประเภทอุตสาหกรรมไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง (Construction) และอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) เพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังได้ขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เช่น ออสเตรเลีย เนื่องจากมีอัตรากำไรที่สูงกว่าการขายในประเทศ ซึ่งทำให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 30%จากเดิม 20%
นอกจากนี้บริษัทยังได้ทำการตลาดเชิงรุกด้วย มาตรฐานของวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการให้บริการที่ควบคู่ไปหลังการขาย บริษัทได้ส่งทีมเทคนิค และทีมวิจัยและพัฒนา เข้าไปทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ร่วมกับลูกค้า เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน และวัสดุที่ทำการยึดติดมากที่สุด สร้างความพอใจและความสัมพันธ์อันดีแก่ลูกค้า อีกทั้ง บริษัทฯ ยังเป็นผู้ผลิตรายแรกในประเทศไทยที่สามารถผลิตกาวที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งลูกค้าที่ต้องใช้กาวลักษณะเฉพาะนี้ เดิมต้องนำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น จึงทำให้บริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดจากผลิตภัณฑ์กาวมากขึ้น โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้มีการผลิตเพื่อสำรองสินค้าไว้สำหรับไตรมาส 4/2559 เพื่อรองรับรายการสั่งซื้อที่ค่อนข้างมาก หากเทียบจากทั้ง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา