กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--24 คูณ 7
วี-คูล คอร์ปอเรชั่น ไทย เปิดตัวฟิล์ม ชะลอความแก่ (Anti-Aging) ซิงโครไนซ์ ฟิล์มกรองแสงชนิดเดียวที่กรองรังสีแสงสีฟ้า รังสีร้ายต่อผิวหนังและจอตา
• ซิงโครไนซ์ อัลติเมท บลูไลท์ ซีรี่ส์ SYNKRONIZE: Ultimate Blue-light Series ฟิล์มกรองแสงรุ่นที่ 4 ของวงการฟิล์มรถยนต์ที่อัดแน่นด้วย นวัตกรรมใหม่ล่าสุดแห่ง วงการฟิล์มกรองแสงรถยนต์
• มาพร้อมกับข้อเสนอสุดเร้าใจ ส่วนลดสูงสุด 80%
บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น ไทย จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ฟิล์ม ซิงโครไนซ์ บายวี-คูล คอร์ปอเรชั่น ไทย หรือ SYNKRONIZE by V-KOOL CORPORATION THAI แนะนำฟิล์มกรองแสงรุ่นที่ 4 ที่สามารถกรองรังสีแสงสีฟ้า หรือ Blue-light ซึ่งเป็นคลื่นแสงที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง และจอตาใน ระดับที่รุนแรงกว่ารังสีอัลตร้าไวโอเล็ต หลายเท่า
นายกฤณัทฐพัชร์ จตุรภัทรพนิต กรรมการบริหาร บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น ไทย จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ฟิล์ม ซิงโครไนซ์ บาย วี-คูล คอร์ปอเรชั่น ไทย เปิดเผยว่าหลังจากได้มี การปรับเปลี่ยน โครงสร้างตัวแทน จำหน่ายในประเททศไทยแล้ว ตนจึงได้เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิต ฟิล์มกรองแสง ในระดับที่สูงขึ้นเพื่อปกป้องผู้ขับขี่ยานยนต์ให้พ้นจากภัยร้ายที่เกิดจากรังสีแสงสีฟ้า
"ผมอยากจะขอบคุณทาง วี-คูล ที่ต่างประเทศที่ทำให้เราได้มีโอกาสและเวลาทำในสิ่งที่ผมอยากจะทำมา นานแล้ว แต่ที่ผ่านมา ผมต้องรับผิดชอบต่อยอดขาย พันธมิตรร้านค้าฟิล์ม ลูกค้าผู้มีอุปการคุณ รวมไปถึง พนักงานอีกนับร้อยชีวิต ทำให้ผมไม่มีเวลาที่จะอยู่กับตัวเองและทำในสิ่งที่ผมต้องการ จะทำในการพัฒนา ฟิล์มกรองแสงยุคที่ 4" นายกฤณัทฐพัชร์ กล่าว
นายกฤณัทฐพัชร์ กล่าวว่าฟิล์มกรองแสงในอดีตนั้น ยุคแรกเป็นฟิล์มกรองแสงเท่านั้น แต่ไม่มีคุณสมบัติในการ กรองรังสี และคลื่นความร้อนได้ ในขณะที่ยุคที่ 2 เป็นฟิล์มที่สามารถกรองรังสีและคลื่นความร้อนได้ แต่วัสดุ ที่ใช้ไม่คงทนจนนำไปสู่ฟิล์มยุคที่ 3 ที่พัฒนาวัสดุที่คงทนมากขึ้น แต่ไม่มีการศึกษาถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มานานกว่า 20 ปี
"ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรังสีแสงสีฟ้า หรือ Blue-Light นี้ มันถูกค้นพบในห้องปฏิบัติการหรือห้องแล็บทางการ แพทย์ที่ค้นพบว่ารังสียูวีนั้น มีช่วงคลื่นความถี่ที่กว้างมาก ตั้งแต่ 400 nm (นาโนมิเตอร์) ไปจนถึง 500 nm และแต่ละคลื่นความถี่ ให้ผลการทำลายในระดับที่แตกต่างกัน ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ทุกคนเข้าใจว่า รังสียูวีเป็นอันตรายต่อผิวหนัง ซึ่งเป็น ความจริง แต่มีการค้นพบรังสีแสงสีฟ้าที่อยู่ในคลื่นความถี่ ประมาณ 400nm-450nm เป็นรังสีที่อันตรายต่อจอประสาทตาโดยตรง สามารถทะลุเข้าไปทำลายเซลจอประสาทตาได้ และที่สำคัญรังสีนี้เป็นรังสีที่ทะลุผ่านเข้ามาสัมผัสร่างกายคนในรูปของแสงแดดพลังงานสูง (HEV: High Energy Visible Light) ซึ่งส่งผลทำให้เกิดการบกพร่องในการทำงานของระบบการหลั่งสารเคมีต่างใน ร่างกายที่ผิดเพี้ยน ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ด้านสุขภาพที่ตามมา อาทิเช่น โรคมะเร็ง โรคอ้วน มีไขมันส่วนเกิน โรคหัวใจ เบาหวาน ไมเกรน โรคเครียด และนอนไม่หลับ" นายกฤณัทฐพัชร์ กล่าว
"ในขณะเดียวกัน ระหว่างที่ค้นคว้าและวิจัยเรื่องฟิล์มป้องกันรังสีแสงสีฟ้า สิ่งที่เราได้ค้นพบเพิ่มเติมคือ ฟิล์มที่ เราได้บริการติดตั้งให้ลูกค้าที่ผ่านมา นอกจากจะป้องกันความร้อนจากรังสีอินฟาเรดแล้ว กลับแทบจะไม่มีมูล ค่าใด ๆ เพิ่มไปกว่านี้สำหรับรถลูกค้าอีกเลย เนื่องจากฟิล์มที่ติดตั้งให้ลูกค้าป้องกันได้เฉพาะรังสี UVB ในขณะที่ ความเป็นจริงแล้วกระจกรถยนต์ของลูกค้าก็สามารถป้องกันรังสี UVBที่ มีความถี่ระหว่าง 280 – 315 nm นี้ได้ อยู่แล้ว (UVB ไม่สามารถผ่านทะลุกระจกได้ ) ส่วนรังสี UV ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมากที่สุดคือ UVA-Class1และ UVA-Class2 ที่มีความถี่ระหว่าง 315 – 400 nm ซึ่งรังสี UVA นั้นมีปริมาณมากถึง 95% ของรังสี UV ทั้งหมดที่เข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลกนี้ และมีมากกว่า UVB ถึง 50 เท่า โดยที่ผ่านมานั้นเทคโนโลยีของ อุตสาหกรรมการผลิตฟิล์มกรองแสงยังมีข้อจำกัดอยู่มากทำให้การพัฒนายังไปไม่ถึงขั้นที่จะผลิตได้ จนล่าสุดนี้ที่ Advance Synchronize Technology (AST) ได้ถูกนำมาใช้ในการผลิต" นายกฤณัทฐพัชร์ กล่าว
นายกฤณัทฐพัชร์ กล่าวว่าในด้านอันตรายต่อสุขภาพจากรังสี UV นั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน ผิวหนังได้ค้นพบว่ารังสี UVA สามารถเจาะลึก ถึงชั้นในสุดและชั้นคอลลาเจนของผิวหนัง ส่งผลให้เกิดรอย เหี่ยวย่น (Photoaging) กระ ฝ้า พร้อมทั้งทำลายเซลล์ DNA ส่งผลถึงระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เป็นมะเร็ง ผิวหนังได้ ส่วนรังสี UVB นั้นสัมผัสเฉพาะผิวชั้นนอกซึ่งทำให้ผิวแสบร้อนได้ หากถูกแดดนาน ๆ
การทีชั้นโอโซนของโลกถูกทำลายลงนั้นส่งผลให้รังสี UVA มีปริมาณที่มากขึ้นและเข้มข้นขึ้นทุกวัน องค์การรังสีวิทยาของประเทศออสเตรเลีย(ARPANSA) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐได้มีผลการสรุปออกจาก สถิติล่าสุด2ใน3ของชาวออสเตรเลียจะเป็นมะเร็งผิวหนังก่อนอายุ70ปี ส่วนองค์การอนามัยโลก (WHO) นั้นได้อยู่ในวัดค่า UV Index ที่กระจายทั่วใน 25 ประเทศทั่วโลก ประมาณว่าประเทศไทยอยู่ในระดับท๊อป5 ประเทศที่มีค่าUVสูงสุดซึ่งอยู่ในค่าIndex 8-12 ซึ่งอยู่ในจุดที่สูงที่สุดของค่าดัชนี (Extremely High) ทำให้ประเทศ ไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดในโลกต่อภัยอันตรายจากรังสียูวี เพราะสาเหตุนี้เราจึงได้ร่วมงานกับทีมผู้เชี่ยวชาญในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าที่สุด ในโลก ประเทศหนึ่งในเรื่องของเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ และซีเล็คติฟ โฟโต้ฟิลเทรทั่นเทคโนโลยี Selective Photofiltration (SPF-Tech) คือเทคโนโลยีระดับสูงที่ล่าสุดก็ได้ถูกนำมาใช้ควบคู่กับเทคโนโลยี AST ในการผลิต เราสามารถจะเรียกได้ว่า Synkronize by V-Kool Corporation Thai นั้นเป็นฟิล์ม Anti-Aging ที่มีประสิทธิภาพเพราะสามารถป้องกันรังสี UVA ได้ถึง 99.99% และเป็นการปกป้องแบบ Full Brood spectrum เพราะป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB ตั้งแต่ 280 nm ยาวไปถึง 400 nm เลยทีเดียว"
นายกฤณัทฐพัชร์ กล่าวว่าภายหลังจากข้อเท็จจริงที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์และเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก ว่ารังสีแสงสีฟ้า และรังสี UVA เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อมนุษย์ ตนจึงได้เสาะหาผู้ผลิตฟิล์มชั้นนำของโลกเพื่อ ร่วมกันพัฒนา ผลิตภัณฑ์ฟิล์มกรองแสง จนได้ผู้ผลิตฟิล์มจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการผลิตฟิล์ม ที่ใช้ในร่ม บริษัทฯ จึงได้เข้าร่วมกับบริษัทดังกล่าวเพื่อพัฒนาฟิล์มที่สามารถกรองรังสีแสงสีฟ้า และรังสี UVA ที่ สามารถนำมาใช้กลางแดดได้ จนประสบความสำเร็จเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อ ซิงโครไนซ์ บายวี-คูล คอร์ปอเรชั่น ไทย ซึ่งบริษัทฯได้จดเครื่องหมายการค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยฟิล์มตัวใหม่ล่าสุดนี้จะมี คุณสมบัติ เพิ่มเติมจากฟิล์มทั่วไปในท้องตลาดที่สามารถกรองรังสียูวีทั่วไปแล้ว ยังสามารถกรองรังสีแสงสีฟ้าได้ถึง 85%
นายกฤณัทฐพัชร์ กล่าวว่าเพื่อเป็นการตอบแทนแก่ลูกค้าผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ จึงได้เสนอเงื่อนไขพิเศษสำหรับลูกค้าของบริษัทฯ ในการมอบส่วนลดตั้งแต่ 30% - 80% แล้วแต่ระยะเวลาการติดตั้ง โดยลูกค้าที่ติดตั้งฟิล์มวี-คูลจากบริษัทฯ ไปด้วยระยะเวลา 48 เดือน จะได้รับส่วนลดที่ 30% และเพิ่มส่วนลดไปอัตราผกผันกับระยะเวลา โดยลูกค้าที่จะได้รับส่วนลดสูงสุดที่ 80% จะเป็นลูกค้ากลุ่มที่เพิ่งติดตั้งฟิล์มวี-คูลจากบริษัทฯ ในระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน โดยบริษัทฯ ได้จัดทำจดหมายตรงไปถึงลูกค้าเพื่อให้พิจารณานำรถเข้ามาเปลี่ยนฟิล์มซิงโครไนซ์บายวี-คูล คอร์ปอเรชั่น ไทย โดยมีระยะเวลา 30 วันสำหรับการพิจารณานับจากวันที่ได้รับจดหมาย
"ผมมั่นใจว่าสินค้าของเราจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาดและเราอยากจะเริ่มจากกลุ่มลูกค้าในอดีตของเราก่อนเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสินค้าที่ผมไม่อาจจะให้บริการหลังการขายแก่พวกเขาเหล่านั้นได้อีก ซึ่งเป็นผลจากข้อกฎหมาย" นายกฤณัทฐพัชร์ กล่าว
นายกฤณัทฐพัชร์ กล่าวว่าขณะนี้บริษัทฯ ยังไม่มีแผนการแต่งตั้งร้านค้าตัวแทนจำหน่ายฟิล์มยุคที่ 4 (Generation 4) นี้เพราะบริษัทฯ ต้องการรุกตลาดด้วยตัวเองเพื่อสร้างกระแสการตอบรับในลักษณะปากต่อปากจากผู้ที่ได้มีโอกาสใช้ซิงโครไนซ์บาย วี-คูลคอร์ปอเรชั่น ไทย โดยแต่งตั้งให้ บริษัท A1 Auto Film & Glass ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2 สาขาเป็นผู้ติดตั้ง และมีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 2 สาขาในปีหน้า
"เราเองยังไม่กล้าตั้งเป้าหมายการขายในขณะนี้ แต่ขอดูผลตอบรับจากลูกค้าอดีตของเราก่อน แล้วเราถึงจะรุกไปหาลูกค้าใหม่เพิ่มเติม ซึ่งเรามั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะต้องได้รับการยอมรับจากลูกค้าที่เข้ามาเปลี่ยนฟิล์มกับเรา แต่เราก็ไม่ได้ปิดโอกาสที่จะขายฟิล์มรุ่นใหม่นี้ให้กับลูกค้าที่ต้องการจะเปลี่ยนฟิล์มหรือติดตั้งฟิล์มใหม่ให้กับรถคันใหม่ของตัวเองด้วย" นายกฤณัทฐพัชร์ กล่าว