กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย หรือ VGI ประกาศเข้าถือหุ้น 40% ในบริษัท เดโม เพาว์เวอร์ ผู้ดำเนินธุรกิจจัดกิจกรรมการตลาดและการสาธิตสินค้า หวังต่อยอดจิ๊กซอว์สู่การรุกทำกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขาย ณ ช่องทางจัดจำหน่าย ตอบโจทย์การให้บริการสื่อสารการตลาดให้แก่ลูกค้าที่ครบวงจร ตั้งแต่สื่อโฆษณาที่หลากหลายจนถึงการทำกิจกรรมการตลาด หวังรองรับความต้องการของลูกค้า
นายสุรเชษฐ์ บำรุงสุข กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ VGI ได้อนุมัติการเข้าซื้อหุ้น 40% ในบริษัท เดโม เพาว์เวอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เดโม เพาว์เวอร์ ซึ่งเป็นผู้นำในการทำกิจกรรมการตลาดสู่ผู้บริโภคโดยตรงและสาธิตสินค้า ณ ช่องทางการจัดจำหน่ายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ชั้นนำมากกว่า 1,000 แห่ง ทั้งห้างเทสโก้ โลตัส บิ๊กซี วิลล่า มาร์เก็ต เซเว่น อีเลฟเว่น แฟมิลี่มาร์ท และร้านค้าชั้นนำอื่นๆ ซึ่งเดโม เพาว์เวอร์มีส่วนแบ่งตลาดรายใหญ่ที่สุดของไทยมากกว่า 70% โดยการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ VGI หวังสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การให้บริการด้านการสื่อสารการตลาดของ VGI ที่สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของสินค้าและเอเยนซี่โฆษณาในการสร้างความคุ้มค่าต่อการเลือกใช้จ่ายเม็ดเงินโฆษณา โดยมีสื่อโฆษณาที่ครอบคลุมทั่วประเทศและหลากหลาย ทั้งสื่อโฆษณาบนรถไฟฟ้าบีทีเอส สื่อโฆษณากลางแจ้ง สื่อโฆษณาในลิฟท์โดยสารในอาคารสำนักงานและคอนโดมิเนียม สื่อโฆษณาในสนามบิน จนถึงการให้บริการด้านกิจกรรมการตลาดและการสาธิตสินค้า ณ ช่องทางจัดจำหน่าย การเล่นเกมชิงรางวัล ณ จุดจำหน่าย เพื่อเจาะไปยังกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้
การเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ จึงเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม VGI ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เนื่องจาก บริษัท เดโม เพาว์เวอร์ ถือเป็นผู้นำในธุรกิจที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าเอเยนซี่โฆษณา ที่ทำรายได้มากกว่า 500 ล้านบาทต่อปี โดยมีแผนขยายการทำกิจกรรมการตลาดและสาธิตสินค้าไปยังสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และอาคารสำนักงานที่ VGI เข้าไปบริหารสื่อโฆษณาที่มีมากกว่า 146 ตึกทั่วประเทศ รวมถึงขยายไปยังช่องทางสื่ออื่นๆ ต่อไป เพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมการตลาดใหม่ๆ ที่สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงกลุ่ม
"แผนการเข้าถือหุ้น 40% ในบริษัทฯ เดโม เพาว์เวอร์ ครั้งนี้ ช่วยตอบโจทย์กลยุทธ์ด้านการตลาดของ VGI ให้สามารถต่อยอดจากการมีสื่อโฆษณาแบบครบวงจรครอบคลุมทั่วประเทศไทย และการใช้ฐานข้อมูลจาก Rabbit Card เพื่อนำ Big Data มาวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าและกำหนดเป็นกลยุทธ์ในการเลือกวางแผนสื่อโฆษณาและการทำกิจกรรมการตลาดโดยตรงเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์สินค้าไปยังกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและวัดประสิทธิผลจากการใช้จ่ายงบด้านการตลาดและการโฆษณาได้" นายสุรเชษฐ์ กล่าว