กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(กสร.) กำชับนายจ้างตรวจสอบ ดูแลระบบไฟฟ้า และบริภัณฑ์ไฟฟ้าในสถานประกอบกิจการให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้อย่างปลอดภัย หากพบชำรุดต้องแก้ไขทันที หากฝ่าฝืนมีโทษทางอาญาจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยว่า จากข่าวอัคคีภัยที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสถานประกอบกิจการก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งทรัพย์สิน บางครั้งอาจก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตของลูกจ้าง ผู้ใช้แรงงานในสถานประกอบกิจการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้กฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า พ.ศ. ๒๕๕๘ กำหนดให้เป็นหน้าที่ของนายจ้างต้องดูแลบริภัณฑ์ไฟฟ้า และสายไฟฟ้าให้ใช้งานได้โดยปลอดภัย รวมทั้งต้องจัดให้มีการตรวจสอบและจัดให้มีการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าและบริภณฑ์ไฟฟ้าเพื่อใช้งานได้อย่างปลอดภัยกสร.ในฐานะของหน่วยงานหลักซึ่งดูแลความปลอดภัยในการทำงานของสถานประกอบกิจการ นายจ้าง ลูกจ้างและผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงขอให้นายจ้าง ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัดและหากตรวจสอบแล้วพบว่าชำรุด หรือมีกระแสไฟฟ้ารั่ว หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้งาน ให้ซ่อมแซมหรือดำเนินการให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้อย่างปลอดภัยโดยทันที เพื่อร่วมมือกันในการป้องกันและสร้างเสริมให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งความปลอดภัยฯ ตามเป้าหมาย Safety Thailand ด้วย
อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับนายจ้างที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า พ.ศ. ๒๕๕๘ มีโทษทางอาญาคือ จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งทางกสร.ได้กำชับให้พนักงานตรวจความปลอดภัยดำเนินการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายของนายจ้างในเรื่องนี้อย่างเคร่งครัดด้วย