กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--วีโร่พีอาร์
ยืนยันการประเมินผลประกอบการปีพ.ศ. 2559
เฮงเค็ลเดินหน้าผลประกอบการทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่สาม
• ยอดขายอยู่ที่ 4,748 ล้านยูโร: ยอดขายปกติ +2.8 เปอร์เซ็นต์ (เปลี่ยนแปลง: +3.4 เปอร์เซ็นต์)
• ตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่มียอดขายเติบโต: ยอดขายปกติ +6.7 เปอร์เซ็นต์
• กำไรจากการดำเนินงาน: +7.6 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 837 ล้านยูโร
• กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งมาก: +70 จุดไปอยู่ที่ 17.6 เปอร์เซ็นต์
• ผลกำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิ์* (EPS): +9.2 เปอร์เซ็นต์ไปอยู่ที่ 1.42 ยูโร
ดุสเซลดอล์ฟ – "เฮงเค็ลเดินหน้าผลประกอบการทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่สาม ยอดขาย กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีหลังการปรับปรุง และผลกำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิ์แตะสถิติใหม่ พัฒนาการที่ยอดเยี่ยมและผลกำไรคุณภาพสูงได้แรงขับเคลื่อนจากทั้งสามกลุ่มธุรกิจและความมุ่งมั่นของทีมงานทั่วโลกของเรา" ฮานส์ แวน ไบเล่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเฮงเค็ลกล่าว
"ในไตรมาสที่สามนี้ เรายังสามารถปิดการซื้อขายของเดอะ ซัน โปรดักส์ และสามารถมอบความมั่นคงทางด้านการเงินให้แก่ ซัน โปรดักส์ ภายใต้เงื่อนไขอันน่าพอใจ นี่คือการซื้อขายครั้งที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของเฮงเค็ล ซึ่งยกระดับให้เราขึ้นเป็นอันดับสองในตลาดซักล้างของสหรัฐอเมริกา ช่วยเติมเต็มและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่พอร์ตโฟลิโอของเราด้วยหลากหลาย
แบรนด์ชั้นนำที่เป็นที่ยอมรับ และเราจะมุ่งเน้นไปที่การบูรณาการในผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนในภูมิภาคอเมริกาเหนือ อย่างประสบผลสำเร็จ"
สำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน ฮานส์ แวน ไบเล่น กล่าวว่า "เราคาดการณ์ว่าความท้าทายและความผันผวนของสภาพตลาดในภาพรวมจะยังคงมีอยู่ในปีพ.ศ. 2559 เราจะยังคงมุ่งเน้นไปที่การยกระดับแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ รักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด และพัฒนาความสามารถด้านนวัตกรรมอันแข็งแกร่ง เพื่อบรรลุเป้าหมายอันทะเยอทะยานของเรา"
ยืนยันการประเมินผลประกอบการปีพ.ศ. 2559
เฮงเค็ลยืนยันการประเมินภาพรวมธุรกิจสำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน "สำหรับตลอดทั้งปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 เรายังคงคาดว่ายอดขายแบบปกติจะมีอัตราเติบโตอยู่ที่ราว 2 – 4 เปอร์เซ็นต์ สำหรับกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีหลังการปรับปรุง เราคาดหวังว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 16.5 เปอร์เซ็นต์ และกำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิ์หลังการปรับปรุงจะเติบโตอยู่ระหว่าง 8 และ 11 เปอร์เซ็นต์ " ฮานส์ แวน ไบเล่น กล่าว
ยอดขายและกำไรในไตรมาสที่สามของปีพ.ศ. 2559
ในไตรมาสที่สามของปี 2559 ยอดขายปกติของเฮงเค็ลแตะสถิติใหม่ ยอดขายเพิ่มขึ้น 3.4 เปอร์เซ็นต์ ไปอยู่ที่ 4,748 ล้านยูโร โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากพัฒนาการตามปกติที่มั่นคง รวมไปถึงการเข้าซื้อกิจการ ยอดขายปกติของเฮงเค็ล หลังการปรับปรุงตามอัตราแลกเปลี่ยน การเข้าซื้อกิจการ ถอนการลงทุน เพิ่มขึ้น 2.8 เปอร์เซ็นต์ ผลกระทบด้านลบจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 3.3 เปอร์เซ็นต์ ยอดขายเพิ่มขึ้น 6.7 เปอร์เซ็นต์
ยอดขายปกติได้รับแรงขับเคลื่อนจากพัฒนาการอันแข็งแกร่งจากทุกหน่วยธุรกิจ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน มีการเติบโตของยอดขายแบบปกติที่ 4.0 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์ มียอดขายปกติเติบโตอยู่ที่ 2.6 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวมียอดขายปกติเติบโตอย่างมั่นคงเช่นกันที่ 2.5 เปอร์เซ็นต์
หลังพิจารณารายได้ที่เกิดขึ้นแบบครั้งเดียว ค่าใช้จ่ายแบบครั้งเดียวและค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างพบว่ากำไรจากการดำเนินงานหลังการปรับปรุง (EBIT) เพิ่มขึ้น 7.6 เปอร์เซ็นต์ จาก 778 ล้านยูโรไปอยู่ที่ 837 ล้านยูโร ผลกำไรจากการดำเนินงานเติบโต 16.4 เปอร์เซ็นต์ จาก 666 ล้านยูโรเป็น 775 ล้านยูโร
ผลตอบแทนจากยอดขายหลังปรับปรุง (EBIT margin) เพิ่มขึ้น 0.7 เปอร์เซ็นต์เป็น 17.6 เปอร์เซ็นต์ ผลตอบแทนจากยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 14.5 เปอร์เซ็นต์ เป็น 16.3 เปอร์เซ็นต์
ผลประกอบการของเฮงเค็ลอยู่ที่ -15 ล้านยูโร ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า เป็นผลจากการเข้าซื้อกิจการ อัตราภาษีอยู่ที่ 23.2 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับ 24.6 เปอร์เซ็นต์ของไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า
รายได้สุทธิหลังการปรับปรุงสำหรับไตรมาสที่สาม หลังการหักดอกเบี้ยที่ควบคุมไม่ได้แล้วเพิ่มขึ้น 9.2 เปอร์เซ็นต์ จาก 564 ล้านยูโรเป็น 616 ล้านยูโร รายได้สุทธิของไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 18.2 เปอร์เซ็นต์ จาก 494 ล้านยูโรเป็น 584 ล้านยูโร เมื่อหักดอกเบี้ยที่ควบคุมไม่ได้ 8 ล้านยูโรแล้ว รายได้สุทธิประจำไตรมาสเพิ่มขึ้นเป็น 576 ล้านยูโร (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า 484 ล้านยูโร)
ส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้นบุริมสิทธิ์หลังการปรับปรุง (EPS) เพิ่มขึ้น 9.2 เปอร์เซ็นต์จาก 1.30 ยูโร เป็น 1.42 ยูโร ขณะที่การรายงานกำไรสุทธิต่อหุ้นบุริมสิทธิ์เพิ่มขึ้นจาก 1.12 ยูโรเป็น 1.33 ยูโร
อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนสุทธิต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ 0.8 เปอร์เซ็นต์เป็น 5.2 เปอร์เซ็นต์
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในช่วง 9 เดือนแรกของปีพ.ศ. 2559
ในช่วง 9 เดือนแรกของปีพ.ศ. 2559 เฮงเค็ลมียอดขายปกติเติบโตเพิ่มขึ้นที่ 3.0 เปอร์เซ็นต์ หลังจากปรับปรุงอัตราแลกเปลี่ยน การเข้าซื้อกิจการและถอนการลงทุน โดยทุกกลุ่มธุรกิจของเฮงเค็ลมีส่วนต่อการเติบโต ยอดขายเพิ่มขึ้น 1.0 เปอร์เซ็นต์ด้วยมูลค่า 13,858 ล้านยูโร
กำไรจากการดำเนินงานหลังการปรับปรุงเพิ่มขึ้น 6.9 เปอร์เซ็นต์จาก 2,253 ยูโรไปอยู่ที่ 2,407 ล้านยูโร ผลตอบแทนจากการขายหลังการปรับปรุงเพิ่มขึ้นจาก 16.4 เปอร์เซ็นต์เป็น 17.4 เปอร์เซ็นต์
หลังจากหักดอกเบี้ยที่ควบคุมไม่ได้ รายได้สุทธิหลังการปรับปรุงในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 8.6 เปอร์เซ็นต์จาก 1,632 ล้านยูโรเป็น 1,772 ล้านยูโร
ผลกำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิ์หลังการปรับปรุง (EPS) เพิ่มขึ้น 8.5 เปอร์เซ็นต์ จาก 3.77 ยูโรเป็น 4.09 ยูโร
สถานะทางการเงินสุทธิของเฮงเค็ลเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559 อยู่ที่ -2,661 ล้านยูโร (โดยในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558 อยู่ที่ 335 ล้านยูโร) การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปีพ.ศ. 2558 ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการจ่ายเงินการซื้อกิจการ และการจ่ายเงินปันผล
ผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจในไตรมาสที่สามของปีพ.ศ. 2559
ในไตรมาสที่สามของปีพ.ศ. 2559 กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน ประสบความสำเร็จในการขยายช่องทางการเติบโตของผลกำไร ยอดขายปกติมีการเติบโต 4.0 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ยอดขายเพิ่มขึ้น 12.6 เปอร์เซ็นต์เป็น 1,479 ล้านยูโร โดยมีการเข้าซื้อกิจการซัน โปรดักส์ เป็นแรงขับเคลื่อน
การเติบโตของยอดขายปกติอย่างมั่นคงได้แรงขับเคลื่อนหลักมาจากตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ ภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) และแอฟริกาและตะวันออกกลางมีการเติบโตสองหลัก ภูมิภาคยุโรปตะวันออกและลาตินอเมริกามียอดขายที่เติบโตอย่างมั่นคงซึ่งทำให้มีผลประกอบการที่ดี ยอดขายในตลาดเศรษฐกิจอิ่มตัวมีความเข้มแข็ง ยอดขายในอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ยุโรปตะวันตกมียอดขายในแดนบวกท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้น
กำไรจากการดำเนินงานหลังการปรับปรุงของกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เติบโตสองหลักที่ 11.0 เปอร์เซ็นต์เป็น 265 ล้านยูโร ขณะที่ผลตอบแทนต่อยอดขายที่ปรับปรุงแล้วต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งมีการเติบโตอย่างยอดเยี่ยมอยู่เล็กน้อยที่ 17.9 อันเป็นผลมาจากการปิดการซื้อขายกิจการในปีพ.ศ. 2559 หากไม่รวมการซื้อขายกิจการ ผลตอบแทนต่อยอดขายที่ปรับปรุงแล้วมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง กำไรจากการดำเนินงานมีการขยายตัว 8.0 เปอร์เซ็นต์ จาก 211 ล้านยูโรไปอยู่ที่ 228 ล้านยูโร
กลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์มีการเติบโตอย่างมีผลกำไรมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่สามของปีพ.ศ. 2559 ยอดขายตามปกติขยายตัว 2.6 เปอร์เซ็นต์ ยอดขายเพิ่มขึ้น 0.4 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 968 ล้านยูโร
กลุ่มธุรกิจนี้ยังคงประสบความสำเร็จในการพัฒนาธุรกิจในตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ด้วยยอดขายแบบปกติที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะยุโรปตะวันออกและลาตินอเมริกาที่มียอดขายเติบโตสองหลักซึ่งช่วยให้มีผลประกอบการที่ดี ยอดขายในเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ต่ำกว่าระดับของไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าเล็กน้อย ในขณะที่แอฟริกาและตะวันออกกลางมียอดขายเติบโตแข็งแกร่งมาก ผลประกอบการยอดขายในตลาดเศรษฐกิจอิ่มตัวทรงตัว ยอดขายในยุโรปตะวันตกและตลาดเศรษฐกิจอิ่มตัวในเอเชีย-แปซิฟิกต่ำกว่าระดับของไตรมาสที่สามในปีพ.ศ. 2558 กลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์ในอเมริกาเหนือมีการเติบโตของยอดขายปกติที่มั่นคง
กำไรจากการดำเนินงานหลังการปรับปรุงของธุรกิจบิวตี้แคร์เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งมากที่ 9.7เปอร์เซ็นต์ไปอยู่ที่ 170 ล้านยูโร ผลตอบแทนต่อยอดขายหลังการปรับปรุงเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งมาก 1.4 เปอร์เซ็นต์เป็นสถิติใหม่ที่ 17.5 เปอร์เซ็นต์ กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 9.1 เปอร์เซ็นต์เป็น 155 ล้านยูโร
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาว มียอดขายแบบปกติเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 2.5 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่สาม ยอดขายมีมูลค่า 2,272 ล้านยูโร โดยไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ที่ 2,279 ล้านยูโร
ตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ยังคงประสบความสำเร็จด้วยยอดขายปกติที่มีการเติบโตมั่นคง ยอดขายปกติในทั้งภูมิภาคลาตินอเมริกาขยายตัวด้วยตัวเลขสองหลัก ยุโรปตะวันออกเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ยอดขายในแอฟริกา/ตะวันออกกลางต่ำกว่าระดับของไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้าเล็กน้อย เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) มียอดขายที่แข็งแกร่งมาก ยอดขายในตลาดเศรษฐกิจอิ่มตัวลดลงเล็กน้อย ยอดขายในยุโรปตะวันตกและในตลาดอิ่มตัวในเอเชียแปซิฟิกยังคงต่ำกว่าในไตรมาสสามของปี 2558 ด้านอเมริกาเหนือมียอดขายทรงตัว
กำไรจากการดำเนินงานหลังการปรับปรุงของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับปีทีแล้วโดยอยู่ที่ 4.4 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 430 ล้านยูโร ผลตอบแทนจากการขายหลังการปรับปรุงเพิ่มขึ้นอย่างยอดเยี่ยม 0.8 เปอร์เซ็นต์เป็นสถิติใหม่ที่ 18.9 เปอร์เซ็นต์ รายงายผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 15.3 เปอร์เซ็นต์เป็น 423 ล้านยูโร
ผลประกอบการระดับภูมิภาคในไตรมาสที่สามของปีพ.ศ. 2559
ในสภาพตลาดที่มีการแข่งขันกันสูงมาก ยอดขายปกติของเฮ็งเคลในยุโรปตะวันตกลดลง 0.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว พัฒนาการในภูมิภาคมีความหลากหลาย ในขณะที่ในเยอรมนีมียอดขายปกติเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และสเปนมีการเติบโตของยอดขายปกติที่แข็งแกร่ง ยอดขายปกติในฝรั่งเศสและอิตาลีต่ำกว่าระดับของไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้าเล็กน้อย ยอดขายปกติในภูมิภาคนี้อยู่ที่ 1,473 ล้านยูโร ต่ำกว่า 1,508 ล้านยูโรในไตรมาสที่สามของปีพ.ศ. 2558 ด้านยุโรปตะวันออก มียอดขายปกติเติบโต 4.5 เปอร์เซ็นต์ โดยได้แรงขับเคลื่อนหลักมาจากธุรกิจในรัสเซีย และตุรกี ยอดขายในภูมิภาคนี้รวมอยู่ที่ 733 ล้านยูโร อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า การเติบโตของแอฟริกา/ตะวันออกกลางยังคงได้ผลกระทบจากความไม่สงบทางภูมิศาสตร์การเมืองในบางประเทศ อย่างไรก็ตาม ยอดขายปกติเติบโตที่ 6.9 เปอร์เซ็นต์ ยอดขายเพิ่มขึ้น 9.0 เปอร์เซ็นต์ ที่ 348 ล้านยูโร
อเมริกาเหนือมียอดขายปกติเติบโต 1.6 เปอร์เซ็นต์ มูลค่ายอดขาย 1,067 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 13.5 เปอร๋เซ็นต์ ยอดขายปกติในลาตินอเมริกาเพิ่มขึ้นสองหลักอยู่ที่ 13.9 เปอร์เซ็นต์ ด้วยผลประกอบการทางธุรกิจในเม็กซิโกที่ช่วยส่งเสริมการขยายตัวเป็นอย่างมาก ยอดขายมีมูลค่า 268 ล้านยูโร ขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ที่ 280 ล้านยูโร ยอดขายปกติในเอเชีย-แปซิฟิกเพิ่มขึ้น 4.3 เปอร์เซ็นต์ การเติบโตของยอดขายปกติส่วนใหญ่ได้การสนับสนุนจากธุรกิจในอินเดีย เกาหลีใต้ และจีน ขณะที่ธุรกิจในญี่ปุ่นปรับตัวลดลง มูลค่ายอดขายเพิ่มขึ้น 6.9 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 830 ล้านยูโร
ด้วยการเติบโตของยอดขายปกติที่ 6.7 เปอร์เซ็นต์ ตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ ยังคงมีการเติบโตปกติที่เหนือกว่าค่าเฉลี่ยอีกครั้งและเป็นส่วนผลักดันสำคัญของการเติบโตของยอดขายปกติของกลุ่มบริษัท ยอดขายเพิ่มขึ่น 1.8 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 2,031 ล้านยูโร ขณะที่ส่วนแบ่งยอดขายของตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่อยู่ที่ 43 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสที่สามของปีพ.ศ. 2558 ด้านตลาดเศรษฐกิจอิ่มตัวมียอดขายปกติเพิ่มขึ้น 0.1 เปอร์เซ็นต์ไปอยู่ที่ 2,688 ล้านยูโร
ยืนยันการประเมินภาพรวมธุรกิจของเฮงเค็ล กรุ๊ป ในปีพ.ศ. 2559
เฮงเค็ลคาดว่ายอดขายปกติจะเติบโตที่ 2 – 4 เปอร์เซ็นต์ โดยแต่ละกลุ่มธุรกิจจะสร้างการเติบโตอยู่ในระดับดังกล่าว สำหรับส่วนแบ่งยอดขายในตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ เฮงเค็ลคาดการณ์ว่าจะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเนื่องจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน สำหรับผลตอบแทนยอดขายหลังการปรับปรุง (EBIT) เฮงเค็ลคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 16.5 เปอร์เซ็นต์ และผลตอบแทนยอดขายหลังการปรับปรุงของแต่ละกลุ่มธุรกิจจะมากกว่าปีก่อนหน้า เฮงเค็ลคาดว่ากำไรสุทธิต่อหุ้นบุริมสิทธิ์หลังการปรับปรุงจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 8 และ 11 เปอร์เซ็นต์