กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--เอสซีจี
เอสซีจี กระทรวงอุตฯ และกทม. จับมือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ติดตั้งสุขาเพื่อประชาชนจุดที่ 3 ข้างหอประชุมใหญ่ ท่าพระจันทร์ ตอบรับความต้องการใช้งานสุขาเพื่อประชาชนสองจุดอย่างล้นหลามมากกว่า 7,000 คนต่อวัน พร้อมขยายความร่วมมือกับกลุ่ม Volunteers for DAD จัดจิตอาสาช่วยดูแลผู้สูงอายุและผู้พิการที่มาใช้บริการสุขา เปิดให้บริการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ระหว่าง 08.00 – 24.00 น. ทุกวัน
นายยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี กล่าวว่า "เอสซีจี กระทรวงอุตสาหกรรม และกรุงทเพมหานคร ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ติดตั้งสุขาเพื่อประชาชนจุดที่ 3 บริเวณข้างหอประชุมใหญ่ ท่าพระจันทร์ เพื่อขยายความร่วมมือการให้บริการสุขาเพื่อประชาชน จากที่ให้บริการแล้วที่สนามหลวงและที่สวนสันติพรซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีประชาชนมาใช้บริการทั้งสองจุดวันละมากกว่า 7,000 คน ดังนั้นเพื่อเพิ่มการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่เดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอย่างไม่ขาดสาย เอสซีจีจึงร่วมกับหน่วยงานทั้งสาม ติดตั้งสุขาเพื่อประชาชนเพิ่มขึ้นอีก 1 จุด โดยจะเปิดให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายนเป็นต้นไป"
สุขาเพื่อประชาชนจุดที่ 3 ได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับพื้นที่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสามารถรองรับการใช้งานได้พร้อมกันครั้งละประมาณ 20 คน โดยจะมีพนักงานทำความสะอาดรองรับการใช้งานของผู้ใช้บริการทุกวัน มีระดับมาตรฐานความสะอาดและคุณภาพของสุขาเทียบเท่ากับสุขาเพื่อประชาชนสองจุดแรก
"เป้าหมายต่อไปคือการสร้างสำนักงานชั่วคราวระบบน็อคดาวน์ เพื่อรองรับการใช้งานของเจ้าหน้าที่รัฐที่มาปฏิบัติหน้าที่บริเวณท้องสนามหลวง โดยขณะนี้เอสซีจีกำลังอยู่ระหว่างการปรึกษากับภาครัฐเรื่องวันเวลาติดตั้ง สุขาเพื่อประชาชนเป็นระบบน็อกดาวน์ทั้งหมดซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายโครงสร้างไปติดตั้งในสถานที่อื่นๆ ได้ตามความเหมาะสม ในกรณีที่มีการปิดพื้นที่ท้องสนามหลวงเพื่อสร้างพระเมรุมาศ"
ศาสตราจารย์ ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า "มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนจำนวนมากที่เดินทางมายังท้องสนามหลวง โดยทางธรรมศาสตร์ได้ร่วมมือกับเอสซีจีจัดหาสถานที่ติดตั้งสุขาจุดที่ 3 ในบริเวณข้างหอประชุมใหญ่ ภายในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ สุขาจุดนี้จะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 24.00 น. ตามเวลาเปิดปิดประตูของมหาวิทยาลัย รองรับการใช้งานของประชาชนทั่วไป ผู้สูงอายุ และผู้พิการ นอกจากนี้ ยังได้สนับสนุนระบบน้ำและไฟฟ้าสำหรับสุขาเพื่อประชาชนจุดที่ 3 เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด"
ด้าน ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานอาสาสมัคร Volunteers for Dad กล่าวว่า "ศูนย์ประสานงานอาสาสมัคร Volunteers for DAD ตระหนักว่าการให้บริการด้านสุขาสำหรับประชาชนผู้เดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพถือเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ศูนย์ประสานอาสาสมัครซึ่งเป็นศูนย์รวมอาสาสมัครช่วยอำนวยความสะดวกให้หน่วยงานต่าง ๆ และให้บริการประชาชนอยู่แล้ว จึงให้ความร่วมมือกับเอสซีจีจัดเตรียมจิตอาสาประจำที่สุขาแห่งนี้ทุกวัน เพื่อช่วยดูแลความเรียบร้อย รวมถึงช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สูงอายุและผู้พิการที่มาใช้บริการ เป็นการร่วมกันทำความดีเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและเป็นการทำความดีเพื่อพ่ออีกทางหนึ่ง"
โครงการสุขาเพื่อประชาชนเป็นความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงาน ได้แก่ เอสซีจี กระทรวงอุตสาหกรรมและกรุงเทพมหานคร โดยกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้ริเริ่มโครงการและประสานกับเอสซีจีเรื่องการผลิตและติดตั้งสุขาเพื่อประชาชน และกรุงเทพมหานครอำนวยความสะดวกด้านสถานที่ติดตั้ง การดูแลเรื่องระบบน้ำและระบบไฟฟ้าของสุขา การประดับตกแต่งสุขา และการถ่ายเทสิ่งปฏิกูล โดยสุขาเพื่อประชาชนจุดที่ 1 ตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวง ตรงข้ามวัดมหาธาตุ เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนสุขาเพื่อประชาชนจุดที่ 2 ตั้งอยู่บริเวณสวนสันติพร (กองสลากเก่า) เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
การผลิตสุขาเพื่อประชาชนระบบน็อกดาวน์เป็นการรวมตัวกันของสินค้านวัตกรรมของเอสซีจีและคู่ธุรกิจ 13 บริษัท โดยได้ดัดแปลงจากโครงสร้างระบบโมดูลาร์ของ SCG Heim ประกอบเข้ากับระบบหลังคา ผนัง สมาร์ทบอร์ด และวัสดุก่อสร้างต่างๆ ของเอสซีจีรวมทั้งกระเบื้องเซรามิค สุขภัณฑ์และระบบห้องน้ำของ COTTO และผนังกั้นห้องน้ำสำเร็จรูป Willy รวมทั้งใช้เหล็กของ SYS ทำบันไดสุขาและทางลาดสำหรับผู้พิการ โดยเอสซีจีดำเนินการผลิตและติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและสุขาภิบาลให้เสร็จสมบูรณ์จากภายในโรงงานให้มากที่สุด เพื่อย่นระยะเวลาการประกอบและติดตั้ง จากนั้นจึงขนส่งโดยรถบรรทุกมายังท้องสนามหลวง ตั้งแต่คืนวันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 ก่อนทำการประกอบติดตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 1 วัน พร้อมเปิดให้บริการในวันที่ 18 พฤศจิกายนเป็นต้นไป