กรุงเทพฯ--8 มี.ค.--สำนักงาน ก.พ.
สำนักงาน ก.พ.ชี้แจงรายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต : เกษียณก่อนกำหนดรุ่นที่ 2 คราวนี้ตั้งเป้า 30,000 คน โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้กู้เงินธนาคารอาคารสงเคราะห์ไม่ต้องชดใช้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และมีสิทธิได้รับเสนอขอเครื่องราชฯ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ เป็นกรณีพิเศษ ส่วนรุ่นที่ 1 ได้รับอานิสสงส์ ให้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อบ้านเท่าก่อนออกจากราชการ
วันนี้ (7 มีนาคม 2543) ณ ศูนย์แถลงข่าว ทำเนียบรัฐบาล นางทิพาวดี เมฆสวรรค์ เลขาธิการ ก.พ.ได้เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีในการประชุมวันนี้ ได้มีมติเห็นชอบโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต : เกษียณก่อนกำหนดรุ่นที่ 2(ปีงบประมาณ 2544) ตามข้อเสนอของ ก.พ. โดยมีเป้าหมายที่จะให้ข้าราชการเข้าร่วมโครงการณ์ฯ รุ่นที่ 2 จำนวน 30,000 คน ในกรณีที่มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯเกินกว่า 30,000 คน ให้คณะกรรมการโครงการฯ ซึ่งมีผู้แทนสำนักงาน ก.พ.ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนสำนักงบประมาณ และผู้แทนคณะกรรมการข้าราชการประเภทต่างๆ มีอำนาจพิจารณาให้ความเห็นชอบเพิ่มเติมได้ แต่เมื่อรวมกับจำนวนผู้ออกจากราชการตามโครงการฯ รุ่นที่ 1 แล้วต้องไม่เกิน 60,000 คน (รุ่นที่ 1 มีจำนวน 23,654 คน)
นางทิพาวดีฯ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า คุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ รุ่นที่ 2 ก็เหมือนรุ่นที่ 1 คือหากเป็นข้าราชการพลเรือนต้องมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ส่วนข้าราชการทหารต้องมีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป หรือข้าราชการทั้งสองประเภทต้องมีเวลาราชการตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป (นับถึงวันที่ 30 กันยายน 2543) โดยไม่รวมเวลาทวีคูณ และมีเวลาราชการเหลือไม่น้อยกว่า 1 ปี ต้องไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการ ถูกสอบสวนหรือสอบหาข้อเท็จจริงทางวินัย หรือพิจารณาโทษทางวินัย และไม่เป็นผู้ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องออกจากราชการ
ทั้งนี้ สิ่งจูงใจให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ แบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วนที่เป็นตัวเงิน ได้แก่ เงินขวัญถุงหรือเงิน 7 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้าย และเงินเพิ่มหรือเงินช่วยเหลือรายเดือนผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ช.ร.บ.) และส่วนที่เป็นสิทธิประโยชน์ ได้แก่ สิทธิได้รับพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี สิทธิประโยชน์ทางภาษีในส่วนของเงินที่ได้รับจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) สิทธิประโยชน์ไม่ต้องชดใช้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามพระราชกฤษฎีกา สวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ.2535 กับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปกติ และให้จ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่กำหนดไว้ใน พระราชกฤษฎีกาต่อไป และสิทธิได้รับพิจารณาเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯเป็นกรณีพิเศษ
นางทิพาวดีฯ ชี้แจงต่อไปว่า สำหรับกรณีข้าราชการทหารผู้มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป มีสิทธิเข้าร่วมโครงการนั้น ก็เป็นไปตามข้อบังคับทหารว่าด้วยการแบ่งประเภทนายทหารสัญญาบัตร พ.ศ.2482 และข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยเงินเบี้ยหวัด พ.ศ.2495 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2542 ที่ให้เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่รุ่นที่ 1 ส่วนการเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้กู้เงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ตามพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ.2535 ให้ไม่ต้องชดใช้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามพระราชกฤษฎีฯกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปกติ และให้จ่ายดอกเบี้ยในอัตราเดิมต่อไป ก็เพื่อจูงใจให้ข้าราชการเข้าร่วมโครงการฯ มากขึ้นโดยไม่ทำให้รายได้ของรัฐลดลง เพราะหากผู้เข้าร่วมโครงการฯ ยังคงรับราชการอยู่ รัฐก็จะได้ดอกเบี้ยในอัตราเดิมอยู่แล้ว นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังมีมติเห็นควรให้ผู้ออกจากราชการตามโครงการฯ รุ่นที่ 1 ชำระดอกเบี้ยในอัตราตามพระราชกฤษฎีกา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2543 ส่วนการเพิ่มสิทธิได้รับการพิจารณาเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นกรณีพิเศษนั้น เนื่องจากในปีที่ผ่านมา มีบางส่วนราชการเสนอขอเครื่องราชฯ ให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ และได้รับพิจารณาให้ แต่หลายส่วนราชการมิได้เสนอชื่อไป ทำให้เกิดปัญหาความลักลั่น จึงเห็นควรให้ได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้เพิ่มอำนาจคณะกรรมการและฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ ในการควบคุม กำกับ ติดตามเพื่อให้สามารถจ่ายเงินแก่ผู้ออกจากราชการตามโคางการฯ ได้ภายในเดือนตุลาคม 2543 และให้สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังออกระเบียบหรือแนวทางปฎิบัติ เพื่อให้ทุกส่วนราชการสามารถจ่ายเงินให้แก่ผู้ออกจากราชการตามโครงการฯ ภายในเดือนตุลาคม 2543 และให้สำนักงบประมาณโอนเงินหมวดเงินเดือนของผู้เข้าร่วมเป็นรายจ่ายอื่นโดยไม่ต้องขอให้ส่วนราชการทำเรื่องขอโอนเงินเพื่อความรวดเร็วในการจ่ายเงินตามโครงการ นอกจากนี้ เพื่อให้เป้าหมายการลดอัตรากำลังภาครัฐสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงคณะรัฐมนตรียังมีมติให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลร่วมกับกระทรวงดำเนินการตามแผนปรับบทบาทภารกิจตามมาตราการปรับภาคราชการในสภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายลดอัตรากำลังภายในปีงบประมาณ 2544 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 2 ของอัตรากำลังทั้งกระทรวง และให้รายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการโครงการ
โครงการฯ รุ่นที่ 2นี้ จะเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 3-31 กรกฏาคม 2543 และผู้ที่เปลี่ยนความตั้งใจไม่เข้าโครงการให้สามารถยื่นหนังสือเพื่อถอนใบสมัครได้ภายในวันที่ 1-15 สิงหาคม 2543 เท่านั้น ทั้งนี้ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาและเสนอความเห็นตามลำดับชั้นตามเกณฑ์ที่คณะกรรมการโครงการฯ กำหนด และให้ส่งใบสมัครให้คณะกรรมการโครงการฯ ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2543 โดยคณะกรรมการโครงการฯ จะแจ้งผลการพิจารณาให้เห็นชอบภายในวันที่ 15 กันยายน 2543 และให้ส่วนราชการออกคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี และคำสั่งอนุญาตให้ออกจากราชการภายในวันที่ 30 กันยายน 2543 โดยให้แจ้งผลการอนุญาตดังกล่าวให้สำนักงาน ก.พ. องค์กรกลางบริหารงานบุคคลที่สังกัด กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณทราบ หากผู้เข้าร่วมโครงการฯ เป็นสมาชิก กบข.ให้แจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการ กบข.ทราบด้วยและให้กระทรวงการคลังสั่งจ่ายเงินเพิ่มหรือ ช.ร.บ.ในกรณีที่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ เลือกรับบำนาญต่อไป นางทิพาวดีฯ กล่าวในที่สุด--จบ--