กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--กสทช.
สุภิญญา เผยจับตาวาระ บอร์ด กสท. จันทร์ 21 พ.ย. 59 เตรียมถกวาระ "ข่าวข้น คนเนชั่น" และ "คนข่าว TV24" ขัดประกาศ คสช./ม.37 หลังอนุเนื้อหาชงลงโทษ/จ่อตัดสินละคร "สงครามแย่งผู้"/ความคืบหน้าเคเบิลท้องถิ่น (ไม่) เรียงช่อง/ถกแผนแม่บทฯฉบับใหม่ และ ปัญหานำเข้าอุปกรณ์ใช้คลื่น 2600
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.) ครั้งที่ 40/2559 วันจันทร์ที่ 21พฤศจิกายน นี้ มีวาระการประชุมน่าจับตา ได้แก่ เรื่องร้องเรียนด้านเนื้อหา กรณีการตรวจสอบพบการออกอากาศรายการ "ข่าวข้นคนเนชั่น" วันอังคารที่ 4 ต.ค. 59 ทางช่องเนชั่น ทีวี ได้นำเสนอข่าวการจับกุมผู้บริหารบริษัทที่เกี่ยวข้องกับขบวนการทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหาได้มีการพิจารณาและเสนอ กสท. ว่าการนำเสนอข่าวเป็นคดีที่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ทางสถานีได้นำเสนอหลักฐานใหม่มาวิเคราะห์และสรุปเองในเชิงหักล้างกับข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาจชี้นำผู้รับชมให้เกิดข้อกังขาและสร้างความกดดันต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในกระบวนยุติธรรม รวมทั้งอาจก่อให้เกิดความสับสนแก่ประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในคดีว่าเป็นการดำเนินการไม่ชอบตามกฎหมายและไม่เป็นธรรม อันเป็นการต้องห้ามมิให้ออกอากาศตามข้อ 3(5) ของประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 และเป็นการกระทำที่อาจขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน และขัดต่อมาตรา 37 แห่ง พรบ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 โดยเสนอโทษปรับจำนวน 50,000 บาท
ทั้งนี้ กสท. เตรียมพิจารณากรณีการตรวจสอบพบการออกอากาศรายการ "คมข่าว" ทางช่อง 24 TV ออกอากาศ วันที่ 25 ต.ค. 59 เวลา 17.11 – 17.54 น. หลังจากที่ได้เคยมีการเลื่อนการพิจารณาออกไป อนุกรรมการได้เสนอว่าเนื้อหาการออกอากาศมีลักษณะที่ส่อให้ประชาชนเกิดความสับสนเกี่ยวกับสภาวะราคาข้าวตกต่ำ และการดำเนินการตามกฎหมายกับอดีตนายกรัฐมนตรี คุณยิ่งลักษณ์ ว่าไม่เป็นธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันอาจเป็นการขัดต่อบันทึกข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกับสำนักงาน กสทช. และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้เสนอให้ กสท.พิจารณามาตรการทางปกครองโดยการพักใช้ใบอนุญาตเป็นเวลา 15 วัน
นางสาวสุภิญญา กล่าวว่า กรณีข่าวช่องเนชั่นนี้ยังถือเป็นการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในการตรวจสอบการทำหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยวที่เป็นภาครัฐ ถ้าพบว่าข้อมูลใดไม่ถูกต้อง หน่วยงานรัฐสามารถใช้สิทธิ์โต้แย้งข้อเท็จจริงได้ ถ้าคิดว่าข้อความใดเข้าข่ายหมิ่นประมาทก็ใช้สิทธิ์ตามกฎหมายไป ซึ่งการพิจารณาว่าเนื้อหาข่าวขัดความมั่นคง สงบเรียบร้อยตามมาตรา 37 อาจถูกมองว่าได้ว่าใช้อำนาจแทรกแซงเสรีภาพการทำงานของสื่อมวลชนในการตรวจสอบภาครัฐ ถ้าเห็นว่าสื่อไม่เป็นกลางหรือขัดจรรยาบรรณ ก็ควรส่งให้องค์กรวิชาชีพตัดสินก่อนตามขั้นตอนในกฎหมาย
"ส่วนกรณีช่อง TV24 ส่วนตัวมองว่าการจะสั่งพักใช้ใบอนุญาต 15 วันนั้น เป็นการลงโทษที่เกินกว่าเหตุ ถ้าเทียบกับกรณีอื่นๆในภาพรวมที่ กสท. เคยตัดสินมา แม้ กสทช.จะใช้อำนาจที่อิงประกาศ คสช.ในการกำกับสื่อโทรทัศน์ได้ แต่ส่วนตัวเห็นว่าบอร์ด กสท.ควรทบทวนการใช้อำนาจนั้นอย่างรอบคอบ เป็นธรรม โดยเฉพาะถ้าเป็นประเด็นการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานรัฐตามปรกติ เพราะหน้าที่ของสื่อสารมวลชนเปรียบเป็นดั่งกระจกและตะเกียงที่คอยตั้งคำถามประเด็นสาธารณะถ่วงดุลรัฐแทนประชาชน" สุภิญญา กล่าว
นอกจากนี้ กสท. เตรียมถก กรณีการตรวจสอบพบเนื้อหารายการและการจัดระดับความเหมาะสมและการออกอากาศละคร "สงครามแย่งผู้To be Continued ตอน ลงเอย ทางช่อง GMM 25 ได้จัดระดับความเหมาะสมที่ "ท" ทุกวัย(รายการที่เหมาะสำหรับผู้ชมทุกวัย) ซึ่งภายหลังจากที่ได้มีการรับฟังความเห็นเพิ่มเติมจากหน่วยงานอื่นๆ อนุกรรมการฯ ได้เสนอ กสท. ลงโทษปรับ 50,000 บาท เนื่องจากมีเนื้อหาเกี่ยวกับค่านิยมเรื่องพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม มีการกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจารที่มีผลกระทบต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน อันเป็นความผิดตามมาตรา37 แห่ง พรบ.การประกอบกิจการฯ พ.ศ. 2551
วาระอื่นๆน่าจับตา ได้แก่ รายการการพิจารณาการติดตามผลการตรวจสอบการเผยแพร่การบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป รวมทั้งการเผยแพร่และจัดลำดับช่องโทรทัศน์ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดของผู้รับใบอนุญาตโครงข่ายไม่ใช้คลื่นแบบบอกรับสมาชิก ในระบบเคเบิลพร้อมทั้งมาตรการที่เกี่ยวข้องต่อไป วาระการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบรายชื่อผู้ทำงานในคณะทำงานเพื่อติดตามและประเมินผลการปรับเปลี่ยนรูปแบบการประกอบกิจการโทรทัศน์ของ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 วาระเรื่องร้องเรียน กรณี ซีทีเอช เคเบิลทีวี ยกเลิกการให้บริการแพ็กเกจ BPL บนกล่องรับสัญญาณ SUN Box จำนวน 21 ราย ซึ่งข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้บริการขณะนี้คือ ไม่สามารถติดต่อบริษัทซีทีเอช เพื่อขอสิทธิชดเชยเยียวยาตามที่บริษัทได้แจ้งกับทางสำนักงาน กสทช.ไว้ วาระการยกเลิกใบอนุญาตประกอบกิจการ สำหรับกิจการไม่ใช้คลื่นความถี่ของช่องรายการทีนิวส์ วาระการขอรับรหัสแสดงโครงข่าย(Network Code) เพื่อใช้กับคลื่นความถี่ย่าน 2.536 – 2.700 วาระการขอรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์ที่จะนำเข้ามาเพื่อใช้ในการบริการโครงข่ายโทรทัศน์บอกรับสมาชิกบนคลื่นความถี่ย่าน 2.536 – 2.700 GHz ของบริษัท อสมท จำกัด(มหาชน) วาระการให้ความเห็นต่อองค์ประกอบของการจัดทำ(ร่าง)แผนแม่บทบริหารคลื่นความถี่ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560) ซึ่งประกอบด้วย วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ รายละเอียดการใช้คลื่นในกิจการต่างๆ แผนการปรับปรุงคลื่นความถี่ และตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติ ซึ่งจำเป็นต้องประกาศให้มีผลบังคับในวันที่ 1 ม.ค. 60 เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของข้อบังคับวิทยุระหว่างประเทศ 2016 วาระอื่นๆ ซึ่งติดตามผลการประชุมทั้งหมดในวันจันทร์นี้...