กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ ได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ดังนี้
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 มีจำนวน 5,988,386.53 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.73 ของ GDP โดยแบ่งเป็น หนี้รัฐบาล 4,471,220.22 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 994,794.29 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 500,054.33 ล้านบาทและหนี้หน่วยงานของรัฐ 22,317.69 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
หนี้รัฐบาล จำนวน 4,471,220.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิเล็กน้อย 48,731.69 ล้านบาท โดยเป็นผลจาก
· การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 2,238.43 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งจำนวน
· การเพิ่มขึ้นของตั๋วเงินคลัง จำนวน 20,400 ล้านบาท
· การออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลังจำนวน 27,485 ล้านบาท
· การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 2,457.95 ล้านบาท
โดยแบ่งเป็น (1) การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 1,420.53 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีเขียว และสายสีม่วง และ (2) การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน1,037.42 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย โครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และโครงการก่อสร้างทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น
· การชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยจากหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 12,406.65 ล้านบาท แบ่งเป็น
- การชำระหนี้เงินต้นที่กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้แทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 2,450 ล้านบาท และการชำระหนี้ที่ใช้ในโครงการ DPL จำนวน 1,127.40 ล้านบาท
- การชำระดอกเบี้ย จำนวน 8,796.11 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ ทั้งจำนวน
· การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 4,355.83 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แบ่งเป็นชำระเงินต้น จำนวน 1,022.09 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย จำนวน 3,333.74 ล้านบาท
· ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้นสุทธิ 757.97 ล้านบาท
หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 994,794.29 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 1,138 ล้านบาท เกิดจาก
· การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 820 ล้านบาท
· การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 1,000 ล้านบาท
· การเคหะแห่งชาติไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 1,000 ล้านบาท
· การชำระคืนหนี้เงินต้นจากสัญญาเงินกู้ (Term Loan) จากแหล่งเงินกู้ต่างๆ ทำให้หนี้ลดลง2,049.37 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนหนี้เงินต้นของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)จำนวน 1,349.37 ล้านบาท และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย จำนวน 700 ล้านบาท
· การรถไฟแห่งประเทศไทยมีการก่อหนี้มากกว่าการชำระคืน ทำให้หนี้เพิ่มขึ้นสุทธิจำนวน 2,171.32 ล้านบาท
· ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้นสุทธิ 1,480.98 ล้านบาท
หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 500,054.33 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 7,579.29 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจำนวน 3,580.48 ล้านบาท และของธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน 3,000 ล้านบาท
หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 22,317.69 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 958.51 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 1,101.02 ล้านบาท
หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 จำนวน 5,988,386.53 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ในประเทศ 5,641,948.33 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.21 และหนี้ต่างประเทศ 346,438.20 ล้านบาท (ประมาณ 10,083.40 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือร้อยละ 5.79 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,177,746.27 ล้านบาท หรือร้อยละ 86.46 และหนี้ระยะสั้น 810,640.26 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.54 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด