กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม
"บมจ.เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม หรือ NEP แถลงข่าวเปิดตัวทีมผู้บริหารใหม่ พร้อมเปิดแผนธุรกิจ มุ่งสู่การเทิร์นอะราวด์ในปี 2560 ชูกลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าหลากหลาย เตรียมขยายธุรกิจใหม่"บรรจุภัณฑ์กราเวียร์" เพิ่มฐานลูกค้าด้านบรรจุภัณฑ์อาหารและสินค้าที่เป็นแมสโปรดักซ์ ควบคู่กับธุรกิจเดิมคือบรรจุภัณฑ์กระสอบ ชี้ธุรกิจใหม่พร้อมเดินเครื่องผลิตทันทีในไตรมาส 1/ 2560 ตั้งเป้าปี 2560 รายได้ไม่น้อยกว่า 50% ปูทางสู่แผนล้างขาดทุนในเร็วๆนี้
นายพงศ์กานต์ หงสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือNEP เปิดเผยว่าตนมีความยินดีที่เข้ามาดำรงตำแหน่งในด้านบริหารงานใน NEP ซึ่งถือเป็นงานที่มีความท้าทายและมีความน่าสนใจ เนื่องจากล่าสุดบริษัทได้มีแผนในการขยายธุรกิจให้มีความครอบคลุมมากขึ้นจากเดิมที่ทำบรรจุภัณฑ์กระสอบ โดยธุรกิจใหม่จะเป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน หรือ "บรรจุภัณฑ์กราเวียร์" ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ด้านอาหารและสินค้าอื่นๆอีกหลากหลาย สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภคซึ่งเป็นประเภทแมสโปรดักซ์ จึงทำให้บริษัทสามารถกระจายความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น
" อย่างไรก็ตามในส่วนของผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น ล่าสุดก็มีลูกค้าเข้ามาเจรจาแล้วหลายราย ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าเดิมที่ใช้บริการบรรจุภัณฑ์กระสอบ แต่ก็มีความต้องการบรรจุภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้บรรจุอาหารสำเร็จรูปซึ่งบรรจุภัณฑ์กราเวียร์ได้เข้ามาตอบโจทย์ และการที่เป็นลูกค้าเดิมที่เคยทำธุรกิจกันอยู่แล้ว จึงทำให้การเจรจาสำเร็จได้ง่ายขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นบริษัทยังมีแผนขยายไปสู่ลูกค้าใหม่เช่นกัน เช่นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ ซองน้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม ซองขนมขบเคี้ยวต่างๆ " นายพงศ์กานต์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้ลงทุนจัดซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อเพิ่มสายการผลิต ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์กราเวียร์ แบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกจะเริ่มติดตั้งในช่วงไตรมาส 1/2560 และคาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) พร้อมรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2560 ขณะที่เฟส 2 จะเริ่มติดตั้งในช่วงไตรมาส 4/2560 และเริ่ม COD เพื่อรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/2561 เป็นต้นไป และในเบื้องต้นคาดว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 20% และเมื่อรวมกับธุรกิจเดิม ทำให้คาดว่ารายได้ปี 2560 เติบโตจากปี 2559 ไม่น้อยกว่า 50% และในปี 2561 ที่เดินกำลังการผลิตครบทั้ง 2 เฟสแล้ว คาดว่าจะทำให้รายได้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพได้ในระยะยาว และบริษัทตั้งเป้าว่าจะสามารถพลิกมีกำไรได้ภายในปลายปี 2560 และหากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ก็จะทำการล้างขาดทุนสะสมเป็นลำดับต่อไป
โดยส่วนตัวผมมีประสบการณ์ด้านของ Packaging และเป็นผู้บริหาร ของบริษัทข้ามชาติ (Multinational) บริษัทไทยที่เป็นทั้งรูปแบบของบริษัทมหาชน และของครอบครัวขนาดใหญ่ เมื่อรวมกับผู้บริหารมืออาชีพ และพนักงานที่ต่างมีความมุ่งมั่นที่จะเห็นความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนของบริษัทแล้ว ผมเชื่อมั่นว่า เราจะมีผลประกอบการณ์ตามที่ได้คาดการณ์และจะได้ดูช่องทางในการขยายธุรกิจอื่นๆ อีกต่อไป