กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--กระทรวงวัฒนธรรม
โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพฯ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวหลังประชุมคณะกรรมอนุกรรมการมรดกทางวัฒนธรรมว่า ที่ประชุมหารือเกี่ยวกับคำชี้แจงคณะกรรมการมรดกโลกเรื่องรายงานสถานภาพการอนุรักษ์นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาของกรมศิลปากร โดยต้องรายงานต่อคณะกรรมการมรดกโลกภายในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ ซึ่งคณะกรรมการมรดกโลกมีคำแนะนำให้ประเทศไทยดำเนินการในเรื่องต่างๆ อาทิ 1.ให้จัดโครงการอบรมเพื่อปรับปรุงฝีมือ ทักษะความรู้ ความชำนาญของช่างฝีมือที่รับผิดชอบในการอนุรักษ์เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการอนุรักษ์และฝีมือช่างแบบดั้งเดิมโดยกรมศิลปากรรายงานว่าได้จัดทำหลักสูตรอบรมร่วมกับองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) และหน่วยงานด้านการอนุรักษ์ รวมทั้งจัดอบรมไปแล้ว 5 ครั้ง 2.ให้จัดทำแผนการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ มาให้คำปรึกษา ซึ่งแผนนี้มีทั้งหมด 8 ด้าน อาทิ การอนุรักษ์โบราณสถาน การควบคุมสิ่งก่อสร้าง การส่งเสริมรายได้ การท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งกรมศิลปากรพร้อมรายงานแผนการอนุรักษ์ต่อยูเนสโก
นายวีระ กล่าวต่อว่า 3.การจัดสัมมนาการอนุรักษ์ระดับนานาชาติ โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์จากประเทศต่างๆมาเข้าร่วม ซึ่งกรมศิลปากรจัดสัมมนาไปแล้ว 3 ครั้ง 4.การควบคุมสิ่งก่อสร้างใหม่ในพื้นที่และบริเวณโดยรอบนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งแบ่งเป็นโซนตรงกลางที่มีการขึ้นทะเบียนมรดกโลก โซนริมแม่น้ำควบคุมความสูงอาคารอยู่ในระยะ 8 เมตร 12 เมตรและ 15 เมตร ตามลำดับ และ5.การฟื้นฟูและบูรณะโบราณสถานในนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาภายหลังน้ำท่วม โดยยูเนสโกได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาดูการบูรณะและให้คำแนะนำ ซึ่งกรมศิลปากรได้ปรับปรุงการบูรณะเพิ่มเติมครบถ้วนตามคำแนะนำ พร้อมกับทำภาพเปรียบเทียบการบูรณะที่ทำไว้เดิมกับการบูรณะเพิ่มเติมตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญจากยูเนสโก
นายวีระ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเสนอพระธาตุพนมวรมหาวิหารเพื่อขึ้นทะเบียนมรดกโลกในบัญชีเบื้องต้น (Tentative List) ซึ่งพระธาตุพนมวรมหาวิหารเข้าหลักเกณฑ์ของยูเนสโก เนื่องจากเป็นศาสนาสถานที่มีคุณค่าโดดเด่น เป็นสากล มีคุณสมบัติในการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกชองยูเนสโกใน 3 เกณฑ์ ได้แก่ เกณฑ์ที่ 1 เป็นตัวแทนที่แสดงถึงผลงานชิ้นเอกที่ทำขึ้นด้วยอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ของมนุษย์ เกณฑ์ที่ 2 เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่งในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อในด้านการออกแบบสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้องหรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ และเกณฑ์ที่ 6 มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์หรือบุคคลที่มีความสำคัญหรือความโดดเด่นในประวัติศาสตร์ ซึ่งที่ประชุมมอบหมายให้กรมศิลปากรไปรวบรวมข้อมูล เอกสารและหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ทั้งนี้ กรมศิลปากรจะนำทั้งสองเรื่องนี้ เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการฯ วันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในส่วนของการเสนอพระธาตุพนมวรมหาวิหารเพื่อขึ้นทะเบียนมรดกโลกในบัญชีเบื้องต้นนั้นจะมีการเสนอต่อยูเนสโกภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 2560