กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--IR Network
ผู้ถือหุ้น NDR ไฟเขียวแจกวอแรนต์ให้กับผถห.เดิมในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 วอแรนต์ พร้อมรับทราบจัดตั้งบริษัทย่อยผลิตและจำหน่ายยางล้อรถยนต์-รถบรรทุก มูลค่าการลงทุน 300 ล้านบาท วางเป้าส่งออกบุกตลาดต่างประเทศ ด้านผู้บริหารหนุ่มไฟแรง "ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา" มั่นใจช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน หนุนรายได้-กำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี. รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NDR) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2559 มีมติเห็นชอบการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท (NDR-W1) ไม่เกิน 107,500,000 หน่วยให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) โดยไม่คิดมูลค่าในอัตราการจัดสรรที่ 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หน่วย ใบสำคัญแสดงสิทธิ
ทั้งนี้ NDR-W1 จะมีอายุ 2 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยอัตราการใช้สิทธิ (ใบสำคัญแสดงสิทธิ : หุ้น) 1 : 1 และราคาการใช้สิทธิอยู่ที่ 3.00 บาท ต่อหุ้น ทั้งนี้ กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิซื้อหลักทรัพย์แปลงสภาพ ในวันที่ 1 ธ.ค. 2559 และ กำหนดให้วันที่ 6 ธันวาคม 2559 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ NDR-W1 (Record Date) และวันที่ 7 ธันวาคม 2559 เป็นวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวม รายชื่อผู้ถือหุ้นตามาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม)
อีกทั้งยังเห็นชอบการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯจาก 215,000,000 บาท เป็น 322,500,000 บาท โดยการออกหุ้นจำนวน 107,500,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อรองรับการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิในอนาคต
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณารับทราบการร่วมทุนจัดตั้งบริษัท เพื่อผลิตและจำหน่ายยางล้อรถยนต์และยางล้อรถบรรทุก โดยจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทฯจะเข้าถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนดังกล่าว ในสัดส่วนร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียน หรือคิดเป็นมูลค่าการลงทุน 300 ล้านบาท จากมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายในเดือนมิถุนายน 2560 ซึ่งการเข้าลงทุนในบริษัทร่วมทุนครั้งนี้คือการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งสามารถนำองค์วามรู้ที่ได้จากธุรกิจที่เกิดจากการร่วมทุนมาปรับใช้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด นอกจากนี้ ยังจะเป็นการเพิ่มรายได้และกำไรให้บริษัทฯเพิ่มขึ้นในอนาคต