กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--คอมมูนิเคชั่น แอนด์ มอร์
เซเลบคนดัง เชิญชวนบริจาคโลหิตกับโครงการ "แบรนด์ พลังเพื่อเลือดใหม่" อีกหนึ่งกิจกรรมทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช
จากพระบรมราโชวาทที่ได้ทรงพระราชทานเมื่อ วันที่ 5 ธันวาคม 2507 ณ ศาลาผกาภิรมย์ พระราชวังดุสิตพระองค์ท่านทรงมีพระราชดำรัสชมเชยการบริจาคโลหิตว่า เป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ ได้ช่วยให้คนรอดตายไว้ได้มาก แม้มีเงินก็ช่วยอะไรไม่ได้ หากไม่มีคนใจกุศลเช่นนี้ การบริจาคโลหิตดูโดยเผินๆ ก็น่ากลัวอันตราย แต่ที่จริงแล้วไม่มีอันตราย มีแต่ประโยชน์แก่ผู้ให้และผู้รับ ให้ช่วยกันบริจาคโลหิตเป็นประจำ ไม่ใช่เพียงแค่บริจาคเฉพาะครั้งนี้
นาวาโทหญิงแพทย์หญิงอุบลวัณณ์ จรูญเรืองฤทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณโลหิตในคลังเลือดลดลงมาก โดยเฉพาะเลือดกรุ๊ปโอที่มีเพียง 600 ยูนิต ต่อวัน ซึ่งปริมาณโลหิตสำรองค่อยๆ ลดลงตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา รวมทั้งมีผู้เข้ามาบริจาคโลหิตน้อยลงเพียงวันละ 1,500 ยูนิต จากเป้าหมายรับบริจาคโลหิต 2,000 ยูนิตต่อวัน ซึ่งในขณะนี้โรงพยาบาลทั่วประเทศมีการขอเบิกโลหิตเฉลี่ย 4,000 ยูนิตต่อวัน ดังนั้นศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จึงร่วมกับ บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด ขอเชิญชวนนักเรียน นักศึกษาร่วมบริจาคโลหิตในโครงการ "แบรนด์ พลังเพื่อเลือดใหม่ 2559 (BRAND'S Young Blood 2016)" เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช และรณรงค์ให้กลุ่มนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศได้ร่วมกิจกรรมทำความดี และรู้จักการให้ ซึ่งกลุ่มนิสิตนักศึกษานับเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีโลหิตที่มีคุณภาพ โดยโครงการฯ ได้ตั้งเป้าหมายโลหิตที่ได้รับบริจาค จำนวน 62,000 ยูนิต หรือ 24,800,000 ซีซี จากสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศและเครือข่ายศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ
นอกจากนี้ สถิติผู้บริจาคโลหิตปีที่ผ่านมา พบว่ามีผู้บริจาคโลหิตปีละ 1 ครั้ง มากถึงร้อยละ 60 หรือ ราว 200,000 คน ผู้บริจาคโลหิตปีละ 4 ครั้ง ร้อยละ 6 หรือราว 20,000 คน จึงต้องรณรงค์ให้ผู้บริจาคโลหิตเพิ่มความถี่ในการบริจาคโลหิตมากขึ้นจากปีละ 1 ครั้ง เพิ่มเป็น 2 ครั้ง จนถึง 4 ครั้งต่อปี เพื่อให้มีปริมาณโลหิตเพียงพอสำหรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลทั่วประเทศ
มะปราง - ร้อยโทหญิงกิติวิชญา วัชโรทัย ไฮโซสาวคนเก่ง เล่าว่า แม้ว่าทุกวันนี้จะมีผู้บริจาคโลหิตเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แต่ในบางช่วงก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ป่วยทั่วประเทศในแต่ละวัน ซึ่งคนหนึ่งคนจะสามารถบริจาคโลหิตได้ปีละ 3-4 ครั้ง หรือทุกๆ 3 เดือน ถ้าผู้บริจาคโลหิตดูแลสุขภาพของตัวเองเป็นอย่างดี โดยเฉพาะวัยรุ่น นักเรียนและนักศึกษาซึ่งเป็นช่วงอายุที่มีโลหิตคุณภาพ ทำให้สามารถช่วยคนได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากการบริจาคโลหิตจะเป็นการให้ชีวิตที่ยิ่งใหญ่แล้ว ยังทำให้ร่างกายของผู้จากโลหิตเองมีความแข็งแรง และสดชื่น จากการที่ร่างกายได้ผลิตเลือดใหม่ๆ ขึ้นมาหมุนเวียนอีกด้วย ยิ่งตอนนี้เลือดในคลังมีจำนวนลดน้อยลง มะปรางขอเชิญชวนนักเรียนนักศึกษา และประชาชนทั่วไปร่วมทำความดีด้วยการบริจาคโลหิต ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้บริจาคโลหิตควรดูแลร่างกายตัวเองให้มีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอ ด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนอย่างเพียงพอ ออกกำลังกานอย่างสม่ำเสมอ และทำตามข้อแนะนำในการบริจาคโลหิตอย่างเคร่งครัด
ชะเอม - ม.ล.เอวิตา ยุคล เซเลปสาววัยทีน ความต้องการการใช้เลือดของผู้ป่วยนั้นมีทุกวัน และมีปริมาณการใช้เลือดสูงขึ้นทุกปี โดยผู้บริจาคหน้าเดิมๆ ก็ยังคงให้เลือดอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันผู้บริจาคหน้าใหม่ยังมีน้อยมาก น่าเสียดายที่ตัวเอมเอง น้ำหนักไม่ถึงเกณฑ์ ไม่สามารถบริจาคเลือดได้ จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรณรงค์ให้กลุ่มนักเรียนนักศึกษา เหล่าพลังเลือดใหม่ หันมาบริจาคเลือดเยอะๆ ถ้าเราดูแลตัวเองดีๆ พักผ่อนเยอะๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ ไม่เป็นโรคติดต่อ ก็สามารถมาบริจาคเลือดได้แล้ว การบริจาคเลือดไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ได้ถ่ายเลือดส่งต่อความอยู่รอดให้กับผู้ป่วยได้มีชีวิตต่ออย่างมีคุณภาพได้ ถือเป็นบุญอันวิเศษ นอกจากนี้การบริจาคเลือดยังช่วยให้เราสุขภาพดีขึ้นด้วย เอมขอเชิญชวนให้วัยรุ่นอย่างเราๆมาแสดงออกซึ่งพลังแห่งความดีด้วยการร่วมบริจาคโลหิตกันเยอะๆ นะคะ
ขวัญ – อนุพงษ์ ใบหยก เซเลบหนุ่มสุดหล่อ – การบริจาคโลหิตนับเป็นการทำความดีที่ได้บุญมาก เป็นการให้ชีวิตผู้ป่วยที่ต้องการโลหิตของเรา แต่ปัจจุบันถึงแม้ว่าจะมีผู้บริจาคกลุ่มหนึ่งที่บริจาคโลหิตเป็นประจำ แต่ก็ยังมีคนรุ่นใหม่ และคนจำนวนมากที่ยังไม่เคยบริจาค ผมว่าครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่เราทุกคนจะได้ทำความดีด้วยการบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ที่เรารักและเทิดทูนเหนือชีวิต และท่านทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ในเมื่อเรามีโอกาสที่จะเป็นผู้ให้ชีวิตแก่ผู้อื่นได้ด้วยการบริจาคโลหิต ผมก็อยากจะเชิญชวนทุกคนให้ทำโดยไม่รีรอ ที่สำคัญผมอยากจะให้อ่านข้อแนะนำสำหรับผู้บริจาคโลหิตของสภากาชาดไทย และเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะไปบริจาคโลหิต เราจะได้สามารถบริจาคโลหิตได้ตามที่เราตั้งใจไว้ และข้อดีอีกอย่างของการบริจาคโลหิตคือเราจะได้ดูแลสุขภาพของเราให้แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากป่วย หรือร่างกายอ่อนแอ ก็จะไม่สามารถบริจาคโลหิตตามกำหนดทุก 3 เดือนได้ครับ