กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
"รัฐมนตรีเกษตรฯ" ลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา ตรวจเยี่ยมการแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำผ่านระบบสหกรณ์ ยกสหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด ต้นแบบบริหารธุรกิจรวบรวมข้าวเปลือก พร้อมเร่งยกระดับสหกรณ์อื่นๆให้เกิดความเข้มแข็ง เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกร
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ โดยใช้กลไกสหกรณ์ ณ สหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด จังหวัดนครราชสีมา ว่า จากสถานการณ์การผลิตข้าวอุปทานมากกว่าอุปสงค์ ผลผลิตข้าวไม่สมดุลกับความต้องการของตลาด ส่งผลให้ราคาข้าวตกต่ำ กระทรวงเกษตรฯ จึงได้มีนโยบายในการแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ โดยดำเนินมาตรการสนับสนุนการบริหารจัดการการผลิตและการตลาดข้าวแบบครบวงจร ได้แก่ การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและ สร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และการสนับสนุนสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2559/60 นอกจากนี้ ได้ใช้ระบบสหกรณ์ในการแก้ไขปัญหาโดยเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกจากสมาชิก และเกษตรกรในราคาที่เป็นธรรม โดยใช้กลไกราคาของสหกรณ์เป็นตัวนำตลาด เนื่องจากมีระบบการสุ่มตรวจสอบคุณภาพข้าว ระบบการชั่งน้ำหนักที่ได้มาตรฐาน และการกำหนดราคาที่ไม่เอาเปรียบสมาชิก และเกษตรกร โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้บูรณาการดำเนินงานร่วมกันในทุกภาคส่วน ในการส่งเสริมสหกรณ์ มีการปรับปรุงคุณภาพและแปรรูปข้าวเปลือกให้ได้มาตรฐาน ส่งเสริมให้เกิดระบบ GMP ในโรงสีของสหกรณ์ และพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อเก็บรักษาคุณภาพข้าวรวมไปถึงการเพิ่มมูลค่า
ทั้งนี้ สหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด ถือเป็นสหกรณ์ต้นแบบที่ดีในการดำเนินธุรกิจรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือก จากสมาชิกและเกษตรกรทั่วไปในราคาที่เป็นธรรม มีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า เป็นการบริหารจัดการการผลิตและการตลาดแบบครบวงจร โดยใช้ระบบสหกรณ์ในการบริหารจัดการด้านการตลาดในพื้นที่แปลงใหญ่ เพื่อแก้ไขปัญหาการกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง
"สหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด เป็นหนึ่งในสหกรณ์ที่มีความเข้มแข็ง และกระบวนการบริหารครบวงจร สามารถรับซื้อข้าวเปลือกของเกษตรกรที่มีความชื้นมาก เพราะสหกรณ์มีเครื่องอบซึ่งเป็นทางเลือกให้เกษตรกร แทนที่จะไปโรงสีก็มาที่สหกรณ์
ซึ่งหากส่งเสริมให้สหกรณ์อื่นๆมีความเข้มแข็งแบบเดียวกันก็จะเป็นที่พึ่งและช่วยให้เกษตรกรมีความยั่งยืนได้ ทั้งนี้ ยังมีอีก 34 สหกรณ์ที่มีการบริหารจัดการใกล้เคียงกับสหกรณ์การเกษตรพิมาย ซึ่งในปี 2560 จะส่งเสริมให้สหกรณ์อื่นๆมีความเข้มแข็งมากขึ้น.เพื่อให้สามารถเป็นที่พึ่งและให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรในพื้นที่ได้ รวมทั้งมีเป้าหมายส่งเสริมให้สหกรณ์มีเพียง 2 ประเภท คือ สหกรณ์ระดับดี และดีมาก" พลเอก ฉัตรชัย กล่าว
ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวถึงผลการรวบรวมข้าวเปลือกของสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ปีการผลิต 2559/60 ว่า ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม -16 พฤศจิกายน 2559 สหกรณ์ 97 แห่ง ในพื้นที่ 24 จังหวัด ได้ดำเนินการรวบรวมข้าวเปลือกยอดสะสมรวม 191,247 ตัน มูลค่า 1,383.99 ล้านบาท แบ่งเป็น ข้าวขาว จำนวน 43 สหกรณ์ รวบรวมข้าวเปลือก 107,700.75 ตัน มูลค่า 674.49 ล้านบาท ข้าวหอมปทุม จำนวน 1 รวบรวมข้าวเปลือก 2,138.68 ตัน มูลค่า 16.93 ล้านบาท ข้าวหอมมะลิ จำนวน 42 สหกรณ์ รวบรวมข้าวเปลือก 60,480.62 ตัน มูลค่า 538.52 ล้านบาท และ ข้าวเหนียว จำนวน 11 สหกรณ์ รวบรวมข้าวเปลือก 20,926.95 ตัน มูลค่า 154.05 ล้านบาท
ส่วนสหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือก ภายใต้ 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1.มีกระบวนการรับซื้อข้าวเปลือก จากเกษตรกรในราคาที่เป็นธรรม โดยมีการสุ่มตรวจสอบคุณภาพข้าวเปลือก ใช้ระบบการชั่งน้ำหนักข้าวที่ได้มาตรฐานและการกำหนดราคาที่เป็นธรรมตามราคาที่รัฐบาลประกาศรับซื้อ 2.มีการปรับปรุงคุณภาพข้าว เปลือก เพื่อควบคุมคุณภาพข้าวให้ได้มาตรฐาน โดยการลดความชื้นของข้าวเปลือกก่อนการสีแปร เก็บรักษาข้าวเปลือกในฉางและโกดังเพื่อรอการระบาย 3.มีกระบวนการแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่า ด้วยโรงสีที่ได้มาตรฐาน GMP มีโรงโรยลั้งเพื่อปรับปรุงคุณภาพข้าวมาตรฐานสากล และ4.มีการบรรจุและการกระจายข้าวสารสู่ผู้บริโภค ด้วยเครื่องบรรจุสุญญากาศเพื่อเก็บรักษาคุณภาพข้าวก่อนถึงมือผู้บริโภค โดยที่ผ่านมา สหกรณ์ฯ สามารถรวบรวมข้าวเปลือกจากสมาชิกและเกษตรกรทั่วไป จำนวนกว่า 13,000 ตัน มูลค่าประมาณ 91 ล้านบาท (ณ วันที่ 16 พ.ย. 59) และสหกรณ์ฯ สามารถกระจายข้าวสารคุณภาพดีจำหน่ายยังส่วนราชการ บริษัทเอกชน จำนวน 87 ตัน มูลค่า 2.4 ล้านบาท ซึ่งสามารถช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ และเกษตรกรให้มีรายได้จากการขายข้าวเพิ่มขึ้น ไม่น้อยกว่า 200 บาทต่อตัน