กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--IR network
บิ๊กบอส "สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย" บมจ. ช ทวี (CHO) รับออร์เดอร์ใหม่จากลูกค้ารายใหญ่ สั่งผลิตรถบรรทุกสินค้า 92 คัน มูลค่าประมาณ 230 ล้านบาท หลังไว้วางใจในผลิตภัณฑ์มีคุณภาพได้มาตรฐาน ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 3/59 ตุนงานในมือกว่า 700 ล้านบาท เตรียมทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป หนุนผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) (CHO) ประกอบธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ สร้างสรรค์ ผลิตตัวถังและติดตั้งระบบวิศวกรรมที่เกี่ยวกับยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมทั้งเป็นผู้ผสานเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบราง และโลจิสติกส์เข้ากับการจัดการอย่างมืออาชีพ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อเพื่อดำเนินการผลิตรถบรรทุกสินค้า จากลูกค้ารายใหญ่ภายในประเทศ จำนวน 92 คัน มูลค่าประมาณ 230ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถทยอยส่งมอบรถบรรทุกได้ตั้งแต่ปีนี้จนถึงปี 2560
"บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นและความพร้อมที่จะรับงานใหม่อยู่ตลอด ซึ่งล่าสุดได้รับงานผลิตรถบรรทุกสินค้าจำนวน 92 คัน มูลค่าประมาณ 230 ล้านบาท จากลูกค้าเดิมของเรา ซึ่งไว้วางใจเราเสมอมาเนื่องจากทสามารถ ผลิต ออกแบบ และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า อีกทั้งผลงานที่ผ่านมายังได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับในระดับสากล" นายสุรเดช กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เข้าลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัทชั้นนำใน Singapore ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมมือกันพัฒนารถเกราะล้อยาง สะเทิ้นน้ำ สะเทิ้นบก ขับเคลื่อน 8x8 ล้อ โดยได้รับคำสั่งซื้อรถต้นแบบจำนวน 1 คัน มูลค่าประมาณ 70 ล้านบาท
ขณะที่ ณ สิ้นไตรมาส 3/2559 ยังมีปริมาณงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ประมาณกว่า 700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ประกอบกับ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าหางานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุน
ส่วนกลยุทธ์การดำเนินงานบริษัท ฯ ยังคงแผนการรักษาฐานลูกค้าเดิม และเร่งขยายฐานลูกค้าใหม่เพื่อเพิ่มฐานรายได้ให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น และเตรียมเปิดศูนย์ซ่อมบำรุงรถใหญ่ให้บริการ 24 ชั่วโมงเน้นให้บริการครบวงจรแบบ one-stop service แห่งแรกที่จังหวัดชลบุรี และวางแผนงานเตรียมเปิดเพิ่มอีกจำนวน 7 ศูนย์กระจายให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศไทยภายในปี 2562
อนึ่ง บริษัทฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้ว จากเดิม 258,198,015.00 บาท เป็น 295,735,443.25 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 1,182,941,773 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ต่อนายทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว