กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--กลุ่มประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2559 ที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกครั้งที่ 4/2559 โดยมีนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) นายกฤษศญพงศ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้แทนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ผู้ทรงคุณวุฒิและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบรายงานสถานภาพการอนุรักษ์นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นการฟื้นฟูภายหลังน้ำท่วม โดยที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 39 ปี 2558 คณะกรรมการมรดกโลกมีคำแนะนำให้ประเทศไทยดำเนินการในเรื่องต่างๆ อาทิ 1.เสนอแนะให้จัดโครงการอบรมเพื่อปรับปรุงฝีมือและทักษะความรู้ ความชำนาญของช่างฝีมือที่รับผิดชอบในการอนุรักษ์ 2.การพัฒนาแผนปรับปรุงพื้นที่ให้ครอบคลุมการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ด้วยความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากสหวิทยาการด้านต่างๆ มาให้คำปรึกษา 3.จัดประชุมสัมมนาระหว่างประเทศเพื่ออภิปรายในเรื่องปรัชญาการอนุรักษ์ในการใช้อิฐที่สัมพันธ์กับแหล่งประเภทต่างๆ ซึ่งจะต้องเสนอร่างรายงานต่อศูนย์มรดกโลกในวันที่ 1 ธันวาคม 2559 เพื่อนำเสนอคณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 41 ปี 2560
นายวีระ กล่าวต่อว่า 4.การปรับปรุงแผนแม่บทการจัดการแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน 5.การระงับการก่อสร้างอาคารใหม่ในพื้นที่ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณค่าระดับสากลและเพื่อปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมและแหล่งมรดกโลกที่มีการควบคุมและกำหนดความสูงสิ่งก่อสร้างใหม่ในพื้นที่และบริเวณโดยรอบนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา รวมถึงความหนาแน่นของอาคาร และ 6.ให้กรมศิลปากรจัดส่งภาพเปรียบเทียบการบูรณะที่ทำไว้เดิมกับการบูรณะเพิ่มเติมตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญจากยูเนสโก เพื่อให้เห็นการดำเนินการที่ชัดเจนและถูกต้องตามหลักวิชาการ ทั้งนี้ ที่ประชุมมอบหมายให้ ทส.นำเสนอร่างรายงานสถานภาพการอนุรักษ์นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)ก่อนวันที่ 1 ธ.ค.นี้
นายวีระ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เสนอพระธาตุพนมวรมหาวิหารขึ้นทะเบียนมรดกโลกในบัญชีเบื้องต้น (Tentative List) ซึ่งพระธาตุพนมวรมหาวิหารเข้าหลักเกณฑ์ของยูเนสโก เนื่องจากเป็นศาสนสถานที่มีคุณค่าโดดเด่น เป็นสากล มีคุณสมบัติในการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกใน 3 เกณฑ์ ได้แก่ เกณฑ์ที่ 1 เป็นตัวแทนที่แสดงถึงผลงานชิ้นเอกที่ทำขึ้นด้วยอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ของมนุษย์ เกณฑ์ที่ 2 เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่งในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อในด้านการออกแบบสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้องหรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ และเกณฑ์ที่ 6 มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์หรือบุคคลที่มีความสำคัญหรือความโดดเด่นในประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ ที่ประชุมมอบหมายให้ทส.เสนอเรื่องนี้เข้าสู่ครม.ต่อไป