กรุงเทพฯ--29 พ.ย.--สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยียืดอายุลำไยเพื่อการส่งออก ซึ่งได้มอบหมายให้ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ดำเนินการจัดสร้างขึ้นตามนโยบายรัฐบาล โดยใช้องค์ความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อเป็นต้นแบบและเพิ่มขีดความสามารถของเอกชน ชุมชน เกษตรกรลำไย ให้รู้จักการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาการเน่าเสียของลำไยจากสภาวะลำไยล้นตลาด ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผลผลิตได้มาตรฐานการส่งออก เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2559 ณ อบต.เหล่ายาว อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน
ในการนี้ นางสาวปาณี นาคะนาท รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน และ ดร.ลักษมี ปลั่งแสงมาศ ผู้ว่าการ วว. พร้อมด้วยผู้บริหารและแขกผู้เกียรติร่วมให้การต้อนรับ โดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การเสวนาเรื่อง "ประโยชน์จากการถ่ายทอดความรู้การยืดอายุลำไยเพื่อส่งออก" เยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์ฯ นิทรรศการด้านเทคโนโลยีลำไย รวมทั้งโชว์ผลิตผลของพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดลำพูน
ทั้งนี้ภายในศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยียืดอายุลำไยเพื่อการส่งออก เป็นที่ตั้งของโรงรมแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ต้นแบบ มีประสิทธิภาพควบคุมปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้างในเนื้อลำไยได้ ช่วยลดการใช้กำมะถัน ลดปริมาณการปล่อยแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศ ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยยืดอายุการเก็บผลลำไยหลังการเก็บเกี่ยวได้นานขึ้น 30-45 วัน เสริมสร้างขีดความสามารถการส่งออกลำไยที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของตลาดต่างประเทศ
โรงรมแก๊สซัลเฟอร์ได้ออกไซด์แห่งนี้ นำเทคโนโลยีการรมควันลำไยด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ของ วว. เข้ามาใช้ ซึ่งมี 3 ระบบ คือ
1.ระบบการรมควันด้วยแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่สามารถควบคุมปริมาณแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ตกค้างในเนื้อลำไยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.ระบบป้องกันการรั่วไหลของแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์จากกระบวนการและในพื้นที่ทำงานในโรงงาน และ 3.ระบบการควบคุมแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ปล่อยออกนอกโรงงาน เป็นระบบมีการหมุนเวียนน้ำกลับไปใช้ซ้ำไม่มีการระบายน้ำทิ้ง และได้ผลพลอยได้เป็นยิปซั่ม สามารถใช้เป็นวัสดุปรับปรุงสภาพดินได้
ดร.ลักษมี ปลั่งแสงมาศ กล่าวว่า ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยียืดอายุลำไยเพื่อการส่งออก นอกจากจะเป็นที่ตั้งของโรงรมแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ต้นแบบแล้ว ยังเป็นศูนย์ถ่ายทอดองค์ความรู้ของ วว. ในด้านเทคโนโลยีการจัดการสวนลำไย เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวลำไยสด และเทคโนโลยีการรมควันลำไยด้วยแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ประกอบด้วย หลักสูตรการเรียนการสอน การฝึกอบรม และศึกษาดูงาน ให้แก่ประชาชนในชุมชน รวมทั้งนักเรียน นักศึกษาระดับอาชีวศึกษา ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการเรียนรู้การสร้างเศรษฐกิจของชุมชนและสังคม มีการแลกเปลี่ยน เสริมสร้างองค์ความรู้ประสบการณ์ และข้อมูลทางวิชาการร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งเป็นการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการวิจัยพัฒนา บริการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ วว. ให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมายและชุมชนอย่างยั่งยืน
ผู้ว่าการ วว. กล่าวถึงความสำเร็จในการนำองค์ความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ วว. เข้าไปสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกลำไยในพื้นที่จังหวัดลำพูนและแก้ไขปัญหาการส่งออกลำไยสด ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยียืดอายุลำไยเพื่อการส่งออกว่า ได้ดำเนินการอย่างครบวงจรและเป็นรูปธรรม อันได้แก่ โรงรมแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งจะเป็นต้นแบบของโรงรมที่ได้มาตรฐานสากลให้กับผู้ประกอบการและเกษตรกร การถ่ายทอดเทคโนโลยีและยกระดับมาตรฐานลำไยเพื่อส่งออก (เปิดสอน 3 หลักสูตรเทคโนโลยีการจัดการสวนลำไย 1.กระบวนการรมควันลำไยด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ 2.การจัดการสวนลำไย และ 3.เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวลำไยสด พัฒนา QR Code เพื่อตรวจสอบย้อนกลับตั้งแต่จากสวนผู้ผลิตลำไยถึงผู้ส่งออก ยกระดับมาตรฐานด้านคุณภาพ เพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์และความปลอดภัยให้แก่ผลผลิต พัฒนาระบบมาตรฐานผู้ประกอบการลำไยเพื่อการส่งออก ดำเนินงานพัฒนาระบบมาตรฐานและรับรองระบบ GMP ตามมาตรฐาน Codex โดยมีเป้าหมายให้ผู้ประกอบการผ่านการรับรองระบบจำนวน 2 ราย/ปี) การเสริมรายได้ผู้ปลูกลำไย (การปลูกเห็ดในแปลงลำไย พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากลำไย บรรจุภัณฑ์ลำไยสด เครื่องมือช่วยเก็บลำไย การผลิตลำไยอินทรีย์นอกฤดู การผลิตปุ๋ยอินทรีย์เคมี)