กรุงเทพฯ--29 พ.ย.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจ และเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสิน ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ3.1 โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจและเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสินประเมินว่าปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 มาจากกำลังซื้อของครัวเรือนที่ทยอยปรับตัวขึ้น คาดการท่องเที่ยวยังคงขยายตัว เม็ดเงินการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐขยายตัวดีต่อเนื่อง ในขณะที่ภาคการส่งออกสินค้ายังคงชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า (แต่มีสัญญาณดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2559) สำหรับปัจจัยต่างประเทศ กรณีนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ นายDonald J. Trump จากพรรครีพับลิกัน คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเงินและการค้าระหว่างประเทศระดับหนึ่ง จากปัจจัยข้างต้น ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจและเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสินจึงได้ปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.2 ต่อปี จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.1 ต่อปี
ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในปี 2559 ประกอบด้วย ด้านการบริโภคภาคเอกชนที่มี การขยายตัวได้ดีขึ้นทั้งจากครัวเรือนในภาคการเกษตรและนอกภาคการเกษตร ด้านการอุปโภคและลงทุนของภาครัฐ ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถลงทุนในโครงการต่างๆ ได้ตามเป้าหมาย และมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าสู่ระบบฯอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังคงมีแนวโน้มขยายตัว สำหรับข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2559 ปัจจัยภายนอกประกอบด้วย ภาคการส่งออกสินค้าที่ยังคงหดตัวตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ คู่ค้าและการใช้นโยบายการเงินของประเทศคู่ค้าที่แตกต่างกันส่งผลทำให้ค่าเงินบาทเกิดความผันผวน รวมทั้งผลกระทบจากนโยบายด้านการค้าของสหรัฐอเมริกา ตลอดจนนโยบายด้านการเงินที่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นนัยสำคัญ ขณะที่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ซึ่งส่งผลกระทบให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง สำหรับการลงทุนภาคเอกชนค่อนข้างทรงตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกที่มีการขยายตัว ในบางอุตสาหกรรมและหากภาคเอกชนกลับมาเป็นผู้นำในการลงทุนอีกครั้ง เศรษฐกิจไทยจะสามารถขยายตัวได้แข็งแกร่งมากขึ้น