กรุงเทพฯ--29 พ.ย.--TQPR
แคมเปญการทดสอบการบินและประสบการณ์ที่เหนือระดับของ เอ350-900
การทดสอบสามครั้งเพื่อตรวจสอบสมรรถภาพทางการบินของเครื่องบินภายในเวลา 1 ปี
การพัฒนาและติดตามการให้บริการที่กำหนดไว้สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2560
เครื่องบินโดยสารแอร์บัส เอ350-1000 ลำแรก ประสบความสำเร็จในการบินครั้งแรก หมายเลขเอ็มเอสเอ็น059 โดยได้ลงจอดที่สนามบินบลานญัก เมืองลูตูส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 เวลา 15:00น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากประสบความสำเร็จในการบินครั้งแรกโดยใช้เวลาทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง 18 นาที
สำหรับนักบินและลูกเรือที่ทำการบินในเที่ยวแรก ประกอบด้วย นายฮูเก้ ฟาน เดอ สติเชล (Hugues Van Der Stichel) นักบินทดสอบ นายแฟรงก์ แชปแมน (Frank Chapman) นักบินทดสอบ และนายเจอร์ราร์ด ไมซองเนิฟ (Gerard Maisonneuve) วิศวกรการบิน นอกจากนี้ยังมีทีมนักวิจัยที่ร่วมบินไปเพื่อเก็บข้อมูลการบิน หรือ Flight-Test-Instrumentation (FTI) สำหรับการบินทดสอบในเที่ยวแรกอีก ได้แก่
นายปาทริค ดู เช่ (Patrick du Che) หัวหน้าทีมเก็บข้อมูลการบิน นายเอ็มมานูเอล คอสตานโซ (Emanuele Costanzo) หัวหน้าทีมพัฒนาทดสอบ เอ350 และนายสเตฟาน โวซ์ (Stephane Vaux) วิศวกรเที่ยวบินทดสอบ
เครื่องบินดังกล่าวขับเคลื่อนของด้วยเครื่องยนต์ Rolls-Royce Trent XWB-97 โดยเครื่องบินได้บินทดสอบบริเวณทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส โดยลูกเรือบินทดสอบขีดความสามารถของอากาศยานในด้านความเร็ว อัตราบรรทุก และระดับความสูงที่สามารถดำเนินการบินได้อย่างปลอดภัยของเครื่องบิน โดยมีเครื่องบินอีกลำหนึ่งได้บินขึ้นน่านฟ้าพร้อมกันเพื่อที่จะสังเกตและถ่ายทำวิดีโอ การตรวจสอบระบบความคืบหน้าต่างๆ ควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญภาคพื้นดินผ่านการเชื่อมโยงด้วยเทคโนโลยีการตรวจวัดระยะไกล (Telemetry)
นายฟาบริซ เบรจิเย่ร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอร์บัส กล่าวว่า "วันนี้เราจะได้เห็นเครื่องบินโดยสาร แอร์บัส เอ350-1000 ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของโลกและมีแนวโน้มที่มีสมาชิกเพิ่มสำหรับ เอ350-1000 จึงถือโอกาสนี้เพื่อขอขอบคุณทีมงานทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมให้เที่ยวบินวันนี้เกิดขึ้น" กล่าวเสริมว่า "ทางเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ลูกค้าทั้งหมดมารวมตัวกันเพื่อร่วมเป็นสักขีพยานและได้เห็นก้าวสำคัญอีกก้าวในวันนี้ไปพร้อมกับเรา ณ สำนักงานใหญ่ของเราในเมืองตูลูส"
สำหรับประโยชน์ที่ได้จากการบินทดสอบเที่ยวแรกของ เอ350-900 (ซึ่งทำการทดสอบสำเร็จเมื่อปี 2557) ถูกนำมาต่อยอดเพื่อพัฒนาการสร้าง เอ350-1000 ทำให้ใช้เวลาเพียง 1 ปีต่อเครื่องบิน 3 ลำ ภารกิจของเครื่องบินหมายเลข เอ็มเอสเอ็น059 ในด้านการทดสอบประสิทธิภาพจะรวมถึงการทดสอบขีดความสามารถของอากาศยานในด้านความเร็วและระดับความสูง คุณภาพการรองรับการบริการ อัตราบรรทุกและการบังคับของเบรก ส่วนลำที่สองคือเครื่องบินหมายเลข เอ็มเอสเอ็น071 ก็ทำได้ทดสอบประเมินประสิทธิภาพ ซึ่งจะครอบคลุมเรื่องการบังคับของเบรก แรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ ระบบและการขับเคลื่อนอัตโนมัติ ส่วนลำที่สามซึ่งเป็นลำสุดท้ายที่บินทดสอบคือเครื่องบินหมายเลข เอ็มเอสเอ็น065 จะทดสอบประสิทธิภาพ "การบินระยะยาวในช่วงต้น" และทดสอบเส้นทางบิน โดยภาพรวมของโครงการนี้ จะถูกสรุปในผลทดสอบของใบรับรองตามรายการที่สายการบินกำหนดไว้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560 ซึ่งสายการบินแรกที่ปฏิบัติการด้วยเครื่องบิน เอ350-1000 คือสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ ซึ่งเป็นลูกรายใหญ่ที่สุดที่มียอดสั่งซื้อจำนวนทั้งสิ้ง 37 รายการ
เครื่องบิน เอ350-1000 เป็นสมาชิกล่าสุดของตระกูลเครื่องบินลำตัวกว้าง ควบคู่กับ เอ330 นีโอ ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มอบประสิทธิภาพในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งความคุ้มค่าในการปฏิบัติการ เสียงรบกวนที่ต่ำ และเป็นเครื่องบินที่มีพิสัยการบินไกลอย่างแท้จริง รวมถึงขนาดลำตัวที่ยาวขึ้นกว่ารุ่น เอ350-900 เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้โดยสารให้ได้มากกว่า 40 ที่นั่ง เอ350-1000 ประกอบไปด้วยชายปีกหลังที่มีการออกแบบเพิ่มเติม ฐานล้อหลัก 6 ล้อ และเครื่องยนต์ใหม่ Rolls-Royce Trent XWB-97 ที่มีแรงขับเพิ่มขึ้น เครื่องบิน เอ350-1000 ให้ประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันและมี "แอร์สเปซ" ห้องโดยสารที่ให้ความสะดวกสบายเหมือนกับเครื่องบินรุ่นดั้งเดิมอย่าง เอ350-900 แต่มีการขยายพื้นที่โดยสารเพิ่มขึ้นเพื่อให้เหมาะแก่การรองผู้โดยสารที่เดินทางระยะไกล ปัจจุบันมีลูกค้าจำนวน 11 สายการบินจาก 5 ทวีป ที่สั่งซื้อเครื่องบิน เอ350-1000 ไปแล้วรวม 195 ลำ