กรุงเทพฯ--6 ธ.ค.--วิวาลดี้ อินทิเกรเต็ด พับลิค รีเลชั่นส์
เมื่อเร็วๆ นี้ มาทัว แบรนด์ผู้ผลิตไวน์ชั้นนำจากประเทศนิวซีแลนด์ คว้ารางวัลผู้ผลิตไวน์ยอดเยี่ยมแห่งปีจากประเทศนิวซีแลนด์ (New Zealand Wine Producer of the Year) ณ กรุงลอนดอน ซึ่งถือเป็นถ้วยรางวัลอันดับสูงที่สุดในทุกแบรนด์ไวน์ในประเทศนิวซีแลนด์ และเป็นสิ่งยืนยันความเป็นเลิศของแบรนด์ผู้ผลิตไวน์โซวีญง บล็อง รายแรกของนิวซีแลนด์ ซึ่งในงานนี้แบรนด์ไวน์มาทัวได้รับเหรียญรางวัลจากเวทีรายการประกวดไวน์ถึง 12 รางวัล ได้แก่ ไวน์มาทัว ซิงเกิล วินยาร์ด พิโน นัวร์ ปี 2013 คว้ารางวัลเหรียญทองยอดเยี่ยม เหรียญทอง 1 รางวัล เหรียญเงินยอดเยี่ยม 5 รางวัล เหรียญเงิน 4 รางวัลและเหรียญทองแดง 1 รางวัล
เมื่อรวมกับรางวัลในปีนี้ ถือว่ามาทัวได้รับรางวัลในฐานะผู้ผลิตไวน์จากเวทีระดับสากลมาแล้ว 4 ปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2556 – 2559 โดยก่อนหน้านี้เคยได้รับรางวัลระดับสูงมาแล้วจากงาน New Zealand Royal Easter Show Wine Awards ปี 2556 และ 2558 รวมถึงงาน New Zealand International Wine Show ในปี 2557
สำหรับแบรนด์ไวน์ชั้นนำอื่นๆ ที่เข้าร่วมประกวดเพื่อชิงถ้วยรางวัลในรายการ International Wine and Spirit Competition (IWSC) ในปี 2016 ได้แก่ Giesen, Kim Crawford และ Brancott Estate
เกร็ก โรวดอน หัวหน้าไวน์เมกเกอร์แห่งมาทัว รู้สึกปลาบปลื้มกับผลรางวัลในครั้งนี้อย่างมาก โดยกล่าวว่า "ปัจจุบัน นิวซีแลนด์เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่มีความโดดเด่นบนเวทีระดับโลก ซึ่งการได้รับรางวัลผู้ผลิตไวน์ยอดเยี่ยมแห่งปีของนิวซีแลนด์ คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนไม่เพียงแค่คุณภาพของไวน์มาทัวเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการรักษามาตรฐานระดับสูงในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของเรา"
"เราส่งไวน์เข้าประกวด 12 รุ่น และได้รับเหรียญรางวัลมาทั้ง 12 เหรียญ จึงถือว่าเราบรรลุเป้าหมายได้ 100% ซึ่งแสดงว่าเราไม่ได้มีไวน์เพียงรุ่นเดียวที่โดดเด่นเหนือกว่ารุ่นอื่นๆ แต่ไวน์ทั้งหมดของเราต่างมีความดีเยี่ยมเหมือนกัน และนี่คือจุดมุ่งหมายสูงสุดของเรา"
รายการ International Wine and Spirit Competition (IWSC) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2512 และได้รับการยกย่องให้เป็นการประกวดไวน์และเครื่องดื่มสปิริตต้นแบบอันทรงเกียรติและได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก ด้วยจำนวนผู้ส่งผลิตภัณฑ์เข้าประกวดจากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก กระบวนการตัดสินจะแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนและใช้เวลานานถึง 6 เดือน เพื่อให้ผลการตัดสินมีความถูกต้องและน่าเชื่อถือสูงสุดในวงการอุตสาหกรรมเครื่องดื่มระดับสากล