กรุงเทพฯ--6 ธ.ค.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
แน่นอนว่าการจองทริปท่องเที่ยวกำลังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างรวดเร็วในทุกมุมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับช่องทางออนไลน์และระบบเครื่องมือตัวช่วยอันหลากหลายที่ให้บริการโดยผู้ให้บริการด้านการจองการท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agenciesหรือ OTAs) ซึ่งนับวันจะยิ่งเข้าถึงง่ายขึ้นเรื่อยๆ สำหรับผู้ที่อยากจะจองการเดินทางครั้งต่อไป
ลูกค้าโรงแรมเลือกที่จะค้นหา จับจ่าย และจองออนไลน์กันมากกว่าที่เคยเป็นมา และข่าวดีก็คือนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา จำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกในแต่ละปีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่มีการคาดการว่ายังจะมีนักท่องเที่ยวจากตลาดสำคัญต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกนับล้านคนในอนาคตอันใกล้ ด้วยภาพรวมการบริโภคทั่วโลกที่เติบโตขึ้น[1]
ข้อมูลล่าสุดช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2559 ของ เอ็กซ์พีเดีย ชี้ให้เห็นว่าสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และเยอรมนี เป็นประเทศที่อยู่อันดับสูงที่สุด (top 10) ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยมากที่สุด โดยในเชิงปริมาณแล้ว นักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรมีจำนวนมากที่สุด
สำหรับผู้ประกอบการโรงแรมไทยที่ต้องการส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเหล่านี้ การทำความเข้าใจกับวิธีค้นหา จับจ่าย และเลือกซื้อทริปเดินทางของพวกเขาจะช่วยให้สามารถพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อการเพิ่มรายได้และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
งานวิจัยของ โฟกัสไรต์ (Phocuswright) ฉบับล่าสุด ซึ่งครอบคลุมประเทศอันดับแรกๆ ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยมากที่สุด ตลอดจนประเทศอื่นๆ เช่น ฝรั่งเศส จีน รัสเซีย และบราซิล ได้ระบุข้อเท็จจริงเฉพาะที่มีประโยชน์และสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการโรงแรมไทยสามารถเข้าถึงตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ได้มากขึ้น
1. นักท่องเที่ยวกำลังย้ายช่องทางจากออฟไลน์เป็นออนไลน์ – ช่องทางการจองทริปท่องเที่ยวแต่ละช่องทางไม่ได้เติบโตในสัดส่วนเดียวกันทั้งหมด และช่องทางออนไลน์ก็กลายเป็นตัวเลือกอันดับแรกสำหรับผู้ที่กำลังวางแผนเดินทาง ภายในปีหน้า กว่าครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 52)ของการจองทริปท่องเที่ยวทั้งหมดในยุโรปจะเกิดขึ้นออนไลน์ ตามด้วยสหรัฐอเมริกา (ร้อยละ 45) และเอเชียแปซิฟิก (ร้อยละ 37)[2] แล้วนักท่องเที่ยวเหล่านี้ทำอะไรกันบ้างบนช่องทางออนไลน์?
3 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย (ตลาดนักท่องเที่ยว เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป ที่เดินทางมาไทยเป็นอันดับสูงที่สุด) และจีนใช้ช่องทางออนไลน์ในการค้นหาและเลือกทริปท่องเที่ยวครั้งถัดไป
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังกระตือรือร้นที่จะ "ซื้อ" ออนไลน์ด้วย โดยในตลาดหลักๆ ที่โฟกัสไรต์รวบรวมในรายงานระบุว่านักท่องเที่ยวอย่างน้อยร้อยละ 60 เลือกซื้อและเลือกจองทริปท่องเที่ยวออนไลน์ ขณะที่ในบางตลาดใหญ่สัดส่วนอาจสูงถึงกว่าร้อยละ 80และสำหรับตลาดอย่างสหราชอาณาจักรและออสเตรเลียนั้น พบว่านักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมด (ร้อยละ 90) ใช้เครื่องมือออนไลน์ในการจอง
การรุกคืบของตลาดออนไลน์ทำให้นักท่องเที่ยวแชร์หรือแบ่งปันประสบการณ์วางแผนท่องเที่ยวกับเพื่อนฝูงและคนรอบข้างมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างที่กำลังทำแต่ละขั้นตอนให้เสร็จสมบูรณ์ผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับผู้ประกอบการโรงแรมไทยในการใช้ ประโยชณ์จากวิธีที่ผู้บริโภคเหล่านี้ชอบใช้ค้นหา จับจ่าย และแบ่งปันประสบการณ์การจองกับผู้อื่น
2. OTA เป็นตัวเลือกในการจับจ่ายโรงแรมในโลกออนไลน์ที่พึงประสงค์กว่า – ผู้บริโภคที่ต้องเลือกระหว่างเว็บไซต์ของโรงแรมกับ OTAมักลงเอยเลือกใช้ OTA มากกว่า โดยกว่า 2 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวที่จับจ่ายออนไลน์จากสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรใช้ช่องทาง OTAขณะที่มีเพียง 1 ใน 3 ที่ใช้เว็บไซต์ของโรงแรมโดยตรง และเทรนด์ดังกล่าวก็ยังครอบคลุมไปถึงตลาดหลักอื่นๆ ของผู้ประกอบการโรงแรมไทยด้วย นั่นคือ กว่าร้อยละ 70 ของนักท่องเที่ยวจากออสเตรเลียและเยอรมนีระบุว่า OTA เป็นตัวเลือกที่พึงประสงค์กว่า[3]
3. ปัจจัยด้านความความสะดวกสบายของ OTA เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ได้รับความนิยม – นักท่องเที่ยวให้คุณค่ากับความสะดวกสบายในการมีแหล่งข้อมูลที่ครบวงจร ซึ่งสามารถใช้ค้นหา เปรียบเทียบ และตัดสินใจขั้นสุดท้ายในแผนการท่องเที่ยวได้ในที่เดียว ต่อไปนี้เป็นเหตุผลสำคัญหลักสองข้อ ว่าทำไมผู้บริโภคจึงเลือก OTA:
เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ใช้ระบุว่าเลือกใช้ OTA เพราะการใช้งานง่าย[4] ตัวอย่างเช่น เมนู Scratchpad ของ เอ็กซ์พีเดีย (www.expedia.co.th/scratchpad) ที่บันทึกการค้นหาบนเว็บไซต์ Expedia.com แจ้งผู้ใช้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของราคาและห้องหรือที่นั่งที่ว่างขึ้นมาของโรงแรมและตั๋วเครื่องบิน ณ เวลาจริง ตลอดจนช่วยป้อนข้อมูลการค้นหาให้ลูกค้าตลอดทั้งกระบวนการวางแผนท่องเที่ยว ด้วยเหตุนี้ ลูกค้าจึงไม่ต้องเสียเวลาระบุคำค้นใหม่ทุกครั้งที่เปลี่ยนอุปกรณ์เข้าใช้เว็บไซต์ เนื่องจากกว่าครึ่งหนึ่งของแต่ละดีลซื้อขายทั้งหมดของ เอ็กซ์พีเดีย ถูกกระทำขึ้นผ่านอุปกรณ์มากกว่า 1 ชิ้น กว่าที่จะทำรายการเสร็จสมบูรณ์[5] เท่ากับว่า ศักยภาพในการโอนย้ายข้อมูลข้ามอุปกรณ์เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการมอบความสะดวกสบายและส่งเสริมความผูกพันกับแบรนด์ของลูกค้า ทั้งนี้ ข้อมูลที่มีชี้ว่าผู้ใช้เมนู Scratchpad มีแนวโน้มที่จะจองและเลือกซื้อทริป 3 เท่าสูงกว่าผู้ใช้ทั่วไป
OTA เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้เปรียบเทียบสินค้าการท่องเที่ยวที่มีอยู่มากมายในที่เดียว ไม่เหมือนกับเว็บไซต์ของผู้ให้บริการที่เน้นรับจองสินค้าใดสินค้าหนึ่งแบบแยกเดี่ยว และ OTA ไม่เพียงแต่จะเปิดโอกาสให้เปรียบเทียบการจับจ่ายเท่านั้น แต่เว็บไซต์อย่างExpedia.com ยังช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดเวลาและเงินด้วยการรวบจองหลายสินค้า เช่น ตั๋วเครื่องบิน รถยนต์เช่า และโรงแรมในคราวเดียว ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว "ไดนามิก แพ็กเกจ" (dynamic package) ของ เอ็กซ์พีเดีย ที่ให้บริการรวบจองหลายสินค้าดังกล่าว ส่งผลดีอย่างยิ่งต่อผู้ประกอบการโรงแรมไทย โดยแค่ช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2559 ความต้องการแพ็กเกจเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ก็มีแนวโน้มที่จะเข้าพักเป็นระยะเวลานานกว่า จองล่วงหน้านานกว่า และมีอัตรายกเลิกการจองที่น้อยกว่า การจองแบบเป็นแพ็กเกจจึงมีคุณค่าต่อธุรกิจโรงแรมไทยอย่างยิ่ง
4. การใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ – การจองผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ร้อยละ 40ของปริมาณการเข้าใช้ เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป ทั่วโลกเป็นการใช้งานผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่[6] และกว่า 1 ใน 4 ของการจองห้องพักทั่วโลกถูกกระทำผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่[7] การเติบโตของการจองผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่เช่นนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการโรงแรมไทยที่ต้องการดึงดูดลูกค้าเหล่านี้ควรทำทุกทางให้มั่นใจได้ว่าโรงแรมของตนพร้อมที่จะให้บริการมางอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างเต็มที่แล้ว ทั้งนี้ OTA หรือที่รู้จักว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ถือเป็นผู้นำในด้านประสบการณ์การจับจ่ายผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างแท้จริง โดย เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป ได้ลงทุนกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 35,000 ล้านบาทไทย) ในด้านเทคโนโลยีเพื่อรับประกันว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่เป็นเลิศที่สุดและพันธมิตรโรงแรมจะได้เข้าถึงนักท่องเที่ยวในรูปแบบที่นักท่องเที่ยวปรารถนา[8]
ในปี พ.ศ. 2558 แอปพลิเคชัน เอ็กซ์พีเดีย บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ถูกดาวน์โหลดมากกว่า 130 ล้านครั้ง จับกลุ่มลูกค้ายุคดิจิทัลทรงคุณค่าที่เข้าใช้บริการซ้ำคิดเป็นสองเท่าของลูกค้าทั้งหมดโดยเฉลี่ย[9]
สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ต้องรู้คือประโยชน์ของอุปกรณ์เคลื่อนที่ไม่ได้ดีต่อผู้บริโภคเท่านั้น แต่แอปพลิเคชัน เอ็กซ์พีเดีย พาร์ตเนอร์ เซ็นทรัล(Expedia PartnerCentral) ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการโรงแรมบริหารธุรกิจบนระบบของ เอ็กซ์พีเดีย ได้ทุกที่ทุกเวลา ตลอดจนถูกออกแบบมาให้ช่วยแก้ปัญหาประจำวันที่ผู้ประกอบการต้องประสบในโลกธุรกิจที่ฉับไวและแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ ยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เอ็กซ์พีเดีย พาร์ตเนอร์ เซ็นทรัล ทั่วโลกนั้นสูงถึงกว่า 30,000 ครั้งแล้ว