กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--Vivaldi
การแข่งขันวันที่ 2 ของศึกเรือใบชิงถ้วยพระราชทานภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้าครั้งที่ 30 เริ่มต้นวันด้วยสภาพท้องฟ้าเปิด ทำให้ทีมเรือใบคีลโบ๊ทและมัลติฮัลล์ทุกรุ่นสามารถออกสตาร์ทได้ตามกำหนดเวลา และด้วยกำลังลมแรงกว่า 18 น๊อต ทำให้การแข่งขันเรือใบใหญ่โดยเฉพารุ่นไออาร์ซี ดุเดือดไม่แพ้วันแรก โดยกัปตันเควิน วิทคราฟท์ ประธานกรรมการจัดการแข่งขันภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า นำเรือทีเอชเอ 72 แซงทีมฮอลลีวู้ดของกัปตันเรย์ โรเบิร์ตส์ ทั้ง 2 รอบจนครองตำแหน่งผู้นำของวันได้ในรุ่นไออาร์ซี 0 ส่วนผู้นำในรุ่นไออาร์ซี 1 และ ไออาร์ซี 2 ของการแข่งขันวันที่ 2 ตกเป็นของเรือแมนเดร็ก III จากฮ่องกง และ เรือเซ็งกา จากออสเตรเลีย ตามลำดับ ส่วนรายการเรือใบเล็ก นักกีฬาเรือใบเยาวชนต่างวาดลวดลายในรายการอินเตอร์เนชั่นแนล ดิงกี้ คลาส กันอย่างสนุกสนาน โดยกลุ่มตัวเก็งยังคงเกาะตารางเหนียวแน่น และมีดาวรุ่งหน้าใหม่ฉายแววเข้าตาผู้ฝึกสอนอีกหลายคน
กัปตันเควิน วิทคราฟท์ ประธานกรรมการจัดการแข่งขันภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า แห่งเรือทีเอชเอ 72 รุ่นไออาร์ซี 0 เล่าถึงการแข่งขันในวันที่ 2 ว่า "วันนี้รุ่นไออาร์ซี 0 มีการแข่งขัน 2 รอบ โดยรอบแรกเป็นสนามสั้นลมแรง 16-18 น๊อต ส่วนรอบสองเป็นสนามยาวแบบอ้อมเกาะ ซึ่งรอบสองนี้ในบางช่วงลมกระชากแรงถึง 22 น๊อต ทำให้ลูกเรือต้องประสานงานกันตลอดเวลาในการปรับใบเรือที่เหมาะสมและห้ามผิดพลาด เพราะยิ่งลมแรง แรงกดที่ทำกับใบเรือจะยิ่งมากและถ้าพลาดจะทำให้เสียเปรียบคู่แข่งมาก วันนี้ลูกเรือทำงานไม่มีข้อผิดพลาดจึงทำให้คว้าที่ 1 มาได้ แต่เนื่องจากเรือของกัปตันเรย์ โรเบิร์ต นับเป็นเรือที่เร็ว ทำให้เรายังประมาทไม่ได้ในการแข่งขันวันต่อๆ ไป"
สำหรับเรือราชนาวี 1 ของพันจ่าเอกวิวัฒน์ พูนพัฒน์ ในรุ่นปลาทูวันดีไซน์ ทำผลงานยอดเยี่ยม ลอยลำเข้าเส้นชัยคว้าอันดับ 1 ของวันแบบขาดลอย โดยทิ้งห่างคู่แข่งมากกว่า 1 ไมล์ ซึ่งการแข่งขันวันที่ 2 รุ่นปลาทูวันดีไซน์เป็นแข่งขันทางไกล 1 รอบ พันจ่าเอกวิวัฒน์ พูนพัฒน์ เล่าว่า "ลูกเรือของเราส่วนใหญ่เป็นทีมเก่าที่เล่นเข้าขากันมานาน ทำให้ไม่มีปัญหาในเรื่องการประสานงานบนเรือ แม้ว่าในปีนี้เราจะเปลี่ยนจากรุ่นโมเดิร์นคลาสสิคในปีที่แล้ว มาแข่งขันในรุ่นปลาทูวันดีไซน์ ซึ่งเป็นเรือที่มีขนาดเล็กลงและใช้คนน้อยกว่า ทำให้เราต้องอาศัยพละกำลังและเทคนิคมากกว่า แต่เนื่องจากเรามีเวลาในการฝึกซ้อมที่ภูเก็ตก่อนการแข่งขันนานกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้เราเตรียมพร้อมกับสภาพลมแรงได้เป็นอย่างดี และมั่นใจว่าจะสามารถคว้าแชมป์คะแนนรวมได้ในปีนี้"
สำหรับรายการเรือใบเล็ก อินเตอร์เนชั่นแนล ดิงกี้ คลาส ในปีนี้ มีเรือใบลงแข่งมากถึง 89 ลำ แบ่งเป็น 6 รุ่น ได้แก่ ออพติมิสต์, เลเซอร์ 4.7, เลเซอร์เรเดียล, เลเซอร์สแตนดาร์ด, 420 (Four-twenty) และ 470 (Four-seventy)
นาวาโทพีระ สกุลเต็ม ผู้อำนวยการแข่งขันรายการ อินเตอร์เนชั่นแนล ดิงกี้ คลาส กล่าวถึงการแข่งขันเรือใบเล็กในวันที่ 2 ว่า "วันนี้สภาพลมดีมาก เรือใบเล็กทุกรุ่นแข่งขันได้ครบทั้ง 3 รอบอย่างราบรื่น โดยกลุ่มผู้นำในรุ่นเลเซอร์ยังคงเป็นผู้เล่นตัวเก็งที่ทำผลงานได้ดีตลอดทุกรอบ ทั้ง กีรติ บัวลง นักกีฬาทีมชาติโอลิมปิกที่รั้งอันดับ 1 ในรุ่นเลเซอร์สแตนดาร์ด และ อธิษฐ์ โรมานิค ในรุ่นเลเซอร์ 4.7 ส่วนเรือใบรุ่นออพติมิสต์ นอกเหนือจากทีมชาติซีเกมส์ ตัวเก็งอย่างศรันวงศ์ พูนพัฒน์ ที่เป็นอันดับ 1 ของวันแล้ว ยังมีดาวรุ่งหน้าใหม่ที่น่าจับตาคือ พันวา บุนนาค และ เจตวีย์ ยงยืนนาน ที่ผ่านคัดเลือกทีมชาติซีเกมส์รอบแรกแล้ว ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของ สมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งในการแข่งขันสองวันแรกของ อินเตอร์เนชั่นแนล ดิงกี้ คลาส ทำผลงานโดดเด่นและ ได้รับคำชมจากผู้ฝึกสอนว่าเป็นนักกีฬาที่มีการวางแผนและการตัดสินใจที่ดี ฉายแววเป็นอีกหนึ่งอนาคตเรือใบเยาวชนไทย"