กรุงเทพ--15 ก.พ.--ตลท.
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเผยแผนงานปี 2543 เน้นปรับระบบธุรกิจให้เปิดกว้าง ตอบรับกระแสการเปลี่ยนแปลง เพื่อขยายฐานและดึงดูดความสนใจของผู้ลงทุน พัฒนาสินค้าให้หลากหลายและมีคุณภาพด้วยระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี การบังคับใช้กฎระเบียบที่มีประสิทธิภาพได้มาตรฐานสากล พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้ทันสมัย การบริหารงานที่มีความคล่องตัว เน้นประสิทธิผลของงานและการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุน ธุรกิจที่ต้องการระดมทุน และอำนวยโอกาสทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการในธุรกิจหลักทรัพย์
นายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยในงานสัมมนาสื่อมวลชนตลาดหลักทรัพย์ประจำปี ว่าแม้ว่าตลาดหลักทรัพย์จะได้กำหนดวิสัยทัศน์ 2546 "มุ่งมั่นสู่การเป็นตลาดทุนชั้นนำแห่งหนึ่งในเอเซีย ด้วยสินค้าคุณภาพ พร้อมด้วยเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิผล ตลอดจนการบังคับใช้กฎระเบียบและการกำกับดูแลที่ดีได้ระดับมาตรฐานสากล" เป็นเป้าหมายในการดำเนินงานในระยะเวลา 5 ปี (2542-2546) ที่ชัดเจนแล้วก็ตามแต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดทุนไทยและตลาดทุนโลกในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องปรับตนเอง และกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายตามประกาศวิสัยทัศน์ 2546
"วิกฤตเศรษฐกิจในปี 2541-2542 ได้ทำให้ภาวะเศรษฐกิจมหภาคและภาคการเงินไทยเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย กระแสโลกาภิวัฒน์ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสื่อสารที่ ทำให้โลกเชื่อมโยงเข้าหากันมากขึ้น ได้ก่อให้เกิดพัฒนาการใหม่ ๆ ในตลาดทุนโลก ทั้งรูปแบบและบริการซื้อขายหุ้นแบบใหม่ อาทิเช่น การซื้อขายหลักทรัพย์ข้ามตลาด Electronic Communication Network (ECNs) อินเทอร์เน็ตเทรดดิ้ง การขยายชั่วโมงการซื้อขายหลักทรัพย์ การรวมตัวเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น สามารถตัดสินใจเคลื่อนย้ายการลงทุนข้ามตลาด ข้ามประเทศ ข้ามซีกโลกได้อย่างรวดเร็ว โดยพรมแดนและเวลาไม่ใช่อุปสรรคสำคัญอีกต่อไปความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ หากตลาดหลักทรัพย์สามารถปรับตัวและกำหนดกลยุทธ์ตอบรับที่เหมาะสม ปี 2543 จะเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของตลาดหลักทรัพย์ ภารกิจหลักของเราในขณะนี้ คือ การเร่งสร้างความแข็งแกร่งของตนเองเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ ทั้งในสายตาของธุรกิจผู้ประสงค์จะระดมทุน ผู้ลงทุน และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาดทุนอื่น ๆ ดึงดูดเม็ดเงินและจำนวนผู้ลงทุนให้เข้ามาสู่ตลาดไทยให้มากขึ้น" นายวิชรัตน์กล่าว
แนวทางการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2543 มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมให้การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เปิดกว้างสู่ผู้ลงทุนทุกประเภทพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาดทุนอื่นในภูมิภาค ประกอบด้วยกลยุทธ์สำคัญ 4 ประการ คือ
1) การพัฒนาสินค้าในตลาดหลักทรัพย์ให้มีความหลากหลาย ทั้งด้านจำนวนและประเภทตราสาร
2) ขยายฐานผู้ลงทุนด้วยการพัฒนาระบบธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ให้เปิดกว้างมีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ
3) เพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎระเบียบ และส่งเสริมการกำกับดูแลกิจการที่ดีของผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจหลักทรัพย์ให้มีความโปร่งใส ยุติธรรม และปกป้องผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และ
4) ปรับปรุงประสิทธิภาพระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การบริหารงานองค์กรและพัฒนาบุคลากรของตลาดหลักทรัพย์เน้นความคล่องตัว การให้บริการ และมีขีดความสามารถสูงที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ด้านการพัฒนาสินค้าในตลาดหลักทรัพย์ กรรมการและผู้จัดการ ตลท. ให้รายละเอียดว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดำเนินการต่อเนื่องจากปี 2541 ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นและเป็นฐานสนับสนุนการเติบโตด้านสินค้าในปีต่อ ๆ ไป โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้ตลาดหลักทรัพย์มีความหลากหลายด้านจำนวนและประเภทสินค้า เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนและเครื่องมือบริหารความเสี่ยงแก่ผู้ลงทุน แผนงานธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์ดังกล่าวประกอบด้วย การเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนในภาคอุตสาหกรรมผลิตและบริการ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยในปี 2543 ตลท. กำหนดเป้าหมายที่จะรับบริษัทจดทะเบียนเพิ่ม 9 แห่ง ทุนจดทะเบียนรวม 40,000 ล้านบาท จากกลุ่มเป้าหมายในหมวดอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์ อุตสาหกรรมเกษตร อาหาร พลังงาน และบริษัทที่เกิดจากการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ,การปรับปรุงหลักเกณฑ์สนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนที่มีความก้าวหน้าเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ สามารถดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งพิจารณามาตรการเพิ่มสภาพคล่องแก่หลักทรัพย์ของบริษัท ที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ, พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ เพื่อให้หลักทรัพย์ที่ผ่านการเสนอขาย แบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) สามารถเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์, การพัฒนาตลาดตราสารอนุพันธ์ โดยเริ่มจากการเปิดให้มีการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ 2 ประเภทคือ Index Option และ Stock Option ในไตรมาส 2 และ 4 ตามลำดับ, การสร้างระบบฐานข้อมูลความต้องการเงินทุนของธุรกิจต่าง ๆ ภายในประเทศ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ลงทุนและยังเป็นฐานลูกค้าบริษัทจดทะเบียนในอนาคต และ การศึกษาเพื่อพัฒนาระบบการซื้อขายตราสารหนี้ให้มีสภาพคล่องให้สอดคล้องกับปัจจัยแวดล้อมทางการเงินที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ ซึ่งทำให้หน่วยงานในภาครัฐและเอกชนมีความต้องการระดมทุนในรูปตราสารหนี้เพิ่มขึ้น และผู้ลงทุนให้ความสนใจที่จะลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มขึ้น
สำหรับกลยุทธ์ในการขยายฐานผู้ลงทุน นายวิชรัตน์กล่าวว่าตลาดหลักทรัพย์จะเน้นเรื่องการปรับปรุงกลไกที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์มีประสิทธิภาพ มีสภาพคล่องและต้นทุนต่ำ เป็นประโยชน์แก่ผู้ลงทุนทุกประเภท เช่น การผลักดันการปรับโครงสร้างอัตราค่าธรรมเนียมไปสู่การต่อรองอย่างเสรี เพื่อลดต้นทุนของผู้ลงทุน, การปรับปรุงหลักเกณฑ์เรื่อง Market Maker เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องของบางหลักทรัพย์,การลดระยะเวลาชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ให้เร็วขึ้น, และ การศึกษาเพื่อสร้างดัชนีราคาหุ้นที่มีลักษณะ Portfolio Tracking Index ที่จะเป็นเครื่องมือในการประเมินผลการลงทุนของผู้ลงทุนสถาบัน นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ยังให้ความสำคัญกับการปรับระบบธุรกิจให้เปิดกว้าง และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุนให้สามารถลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็วยิ่งขึ้น แผนงานที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์ดังกล่าวได้แก่ การอนุญาตให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านอินเทอร์เน็ตที่เริ่มดำเนินการไปแล้ว ภายในปี 2543 ตลาดหลักทรัพย์ยังมีแผนเปิดให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์นอกเวลาซื้อขายปกติ (Off-Hour Trading), การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับตลาดหลักทรัพย์หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักทรัพย์, การพิจารณากำหนดแนวทาง ที่จะเปิดให้มีสมาชิกประเภทต่าง ๆ และการพัฒนาระบบข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงกับเครือข่ายสารสนเทศสากล แผนพัฒนาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธี และประโยชน์ของการลงทุนในหลักทรัพย์แก่ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎระเบียบ และข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ในปี 2543 ตลาดหลักทรัพย์จะปรับปรุงกระบวนการทำงานดังกล่าวโดยจัดให้มีหน่วยงานด้าน Enforcement Unit ขึ้นทำหน้าที่นี้ เพื่อให้การตรวจสอบพิจารณา และวินิจฉัยกรณีการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดกฏระเบียบดำเนินไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม สอดคล้องกับหลักกฎหมายไทย และ ได้มาตรฐานสากล ส่วนการส่งเสริมระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี นายวิชรัตน์กล่าวว่าจะสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียน และ บริษัทสมาชิกนำ "หลักการและข้อพึงปฎิบัติในการกำกับดูแลกิจการที่ดี" ซึ่งคณะอนุกรรมการเพื่อพัฒนาระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดีของตลาดหลักทรัพย์ได้ยกร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไปเป็นแนวทางปฎิบัติ ส่งเสริมให้สถาบันกรรมการบริษัทมีบทบาทในการจัดฝึกอบรมเพื่อยกระดับความรู้ความชำนาญแก่กรรมการบริษัทจดทะเบียน โดยมีเป้าหมายให้อย่างน้อยร้อยละ 25 ของจำนวนกรรมการบริษัทจดทะเบียนผ่านการฝึกอบรมที่สถาบันจัดขึ้นในปีนี้
กลยุทธ์สุดท้าย คือการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งที่เกี่ยวกับระบบซื้อขายหลักทรัพย์ ระบบข้อมูลสารสนเทศอิเล็คทรอนิคส์ และระบบงานสนับสนุนภายในองค์กรให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูงเพื่อรองรับพัฒนาการใหม่ ๆ ในตลาดทุนโลก ปรับปรุงการบริหารงานองค์กร โดยเน้นกระบวนการทำงานที่คล่องตัวให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ของงาน และการให้บริการ ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรของตลาดหลักทรัพย์ให้มีความรู้ความชำนาญเรื่องเทคโนโลยี l สารสนเทศสมัยใหม่และภาษาต่างประเทศดียิ่งขึ้น
"หนึ่งในแผนงานสำคัญเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารงานองค์กรที่ตลาดหลักทรัพย์จะดำเนินการในปีนี้ คือ การศึกษาโอกาสความเป็นไปได้ในการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ (Demutualization) เพื่อให้มีโครงสร้างที่เอื้ออำนวยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายทางธุรกิจ และการบริหารงานที่มีความคล่องตัวอย่างเอกชน มีความโปร่งใส และยุติธรรมแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยคาดว่าผลการศึกษาในเรื่องนี้จะแล้วเสร็จราวกลางปีนี้" นายวิชรัตน์กล่าว
กรรมการผู้จัดการ ตลท. กล่าวในตอนท้ายว่าแผนงานธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ทั้ง 4 ประการ ได้ปรับให้สอดคล้องกับภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ครอบคลุมองค์ประกอบสำคัญที่จะเสริมสร้างศักยภาพให้ตลาดหลักทรัพย์ บรรลุเป้าหมายตามกรอบวิสัยทัศน์ 2546"ผมมีความเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานตามกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยให้ตลาดหลักทรัพย์สามารถสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจ และเติบโตได้แม้อยู่ท่ามกลางสภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันรุนแรง สามารถดำรงบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และเพิ่มขีดความน่าสนใจของตลาดทุนไทยในการแข่งขันกับตลาดทุนในภูมิภาคได้" นายวิชรัตน์สรุป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ ฝ่ายสารนิเทศ โทร. 229-2046 หรือ 229-2036 โทรสาร 359-1005--จบ--